นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยว่า ทางสถานทูตไทยในอิสราเอลได้รับคนไทยมาอยู่ที่กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งแต่ละวันจะมี 2 ไฟลท์บินไปรับคนไทยกลับประเทศราว 300-400 คน ขณะนี้มีการระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือในกรุงเทลอาวีฟเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการเคลื่อนย้ายจะเร็วและดีขึ้น ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมรว.คลัง สั่งการให้พาคนไทยที่ลงทะเบียนกว่า 7,500 คนเดินทางกลับประเทศไทยให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งตอนนี้มีเครื่องบินของ บมจ.การบินไทย (THAI) และกองทัพอากาศอย่างละ 1 ลำ ส่วนนกแอร์และแอร์เอเชียอย่างละ 2 ลำ
ขณะนี้มีจำนวนแรงงานไทยที่ลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศกว่า 7,500 คน และได้นำกลับมาแล้วประมาณ 500 คน หลังจากนี้ต้องจับตาสถานการณ์การสู้รบอย่างต่อเนื่องว่าสุดท้ายแล้วสงครามยุติและคลี่คลายลงเมื่อใด เหตุสู้รบจะขยายวงมาถึงตอนกลางและตอนเหนือของอิสราเอลหรือไม่ หากลุกลามมาถึงตอนเหนือและตอนกลางของอิสราเอลจะต้องอพยพแรงงานไทยที่ต้องการกลับประเทศเพิ่มขึ้น
ส่วนศูนย์การช่วยเหลือผู้ที่เสียชีวิตในอิสราเอลตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ ขึ้นอยู่กับทางการอิสราเอลในการพิสูจน์อัตลักษณ์ว่า คนที่เสียชีวิตในอิสราเอลขณะนี้เป็นของประเทศใดบ้าง ซึ่งในจำนวนนั้นส่วนหนึ่งเป็นแรงงานไทย เมื่อมีการพิสูจน์อัตลักษณ์เรียบร้อยแล้วก็จะลำเลียงส่งกลับมายังประเทศไทย เพราะมีไฟล์ทบินเดินทางมายังประเทศไทยทุกวัน เชื่อว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์จะสามารถลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตมายังประเทศไทยได้บางส่วน
สำหรับนายจ้างที่ยังกักตัวกลุ่มแรงงานและให้ทำงานในสภาวะการสู้รบสงครามนั้น เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปแล้วว่าให้ขอความกรุณาจากนายจ้างชาวอิสราเอลไม่ควรให้แรงงานต้องทำงานในภาวะความไม่สงบ ขึ้นอยู่กับการเจรจาของเอกอัครราชทูต ซึ่งรัฐบาลอิสราเอลก็ต้องรับไปประสานกับนายจ้างชาวอิสราเอล
รมว.แรงงาน กล่าวว่า แรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันในขณะนี้มีจำนวน 18 คน และยังไม่ทราบข่าว แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะใช้เวทีการพบปะผู้นำในประเทศจีน และจะมีการเจรจาอีกหลายประเทศ รวมถึงการเดินทางไปเยือนซาอุดิอาระเบียของนายกรัฐมนตรีจะต้องมีการหารือในการช่วยเหลือตัวประกัน และอีกหลายประเทศเพื่อหาช่องทางช่วยเหลือตัวประกัน