นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 พ.ศ.2562 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
นายคารม กล่าวว่า กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรองที่ได้ออกไปแล้ว ให้สอดคล้องกับกฎหมายแม่บทดังกล่าวอีก 6 ฉบับ ดังนี้
1. ระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าด้วยการจัดให้บุคคลซึ่งอาจจะเป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ อยู่ในความคุ้มครองเป็นการชั่วคราว พ.ศ.2552
2. ระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าด้วยการเก็บรักษาและการใช้ประโยชน์เอกสารหรือข้อมูลข่าวสารที่ได้มาในการสืบสวน และใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ พ.ศ.2551
3. ระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าด้วยการให้คว่ามช่วยเหลือแก่บุคคลซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ พ.ศ.2552
4. ระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าด้วยการจัดตั้งสถานคุ้มครองเอกชนเพื่อการช่วยเหลือและคุ้มคระงผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ พ.ศ.2560
5. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ลงวันที่ 15 พ.ย.58
6. ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการสั่งปิดสถานประกอบธุรกิจหรือโรงงาน การห้ามใช้ยานพาหนะเป็นการชั่วคราว หรือดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันการกระทำผิดขึ้นอีก ลงวันที่ 15 พ.ย.58
นายคารม กล่าวว่า การดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรองข้างต้น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เห็นว่า พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมาย และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 ประกอบมติครม.กำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พ.ย.66 แต่โดยที่การแก้ไขกฎหมายลำดับรองดังกล่าว เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนวิธีการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์หลายหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
ดังนั้น จึงต้องมีการสอบถามข้อเสนอแนะ และปัญหาอุปสรรค เพื่อให้การกำหนดหลักเกณฑ์ไม่ก่อให้เกิดภาระ และส่งผลกระทบต่อผู้เสียหายจากการถูกบังคับใช้แรงงาน หรือบริการ และประชาชนโดยตรง รวมทั้งต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน จากหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายลำดับรองดังกล่าวโดยตรง ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาหารือร่วมกัน เพื่อให้ได้หลักเกณฑ์กลางที่สามารถใช้ร่วมกันได้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงมีความจำเป็นต้องเสนอ ครม. เพื่อขยายระยะเวลาในการออกกฎหมายลำดับรอง ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่ 27 พ.ย.66 เป็นต้นไป