นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงเรื่องมาตรการช่วยเหลือแรงงาน ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในอิสราเอล ว่า สำหรับคนที่กลับจากประเทศอิสราเอล โดยเฉพาะเรื่องของภัยสงครามในครั้งนี้ ได้เยียวยาให้คนละ 15,000 บาท และทางกระทรวงแรงงานจะขอหารือนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าจะขอให้ช่วยเยียวยาเพิ่มเติม ซึ่งจะทำเรื่องของบกลางซึ่งก็พยายามจะทำให้ได้ภายในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า ว่าทางรัฐบาลจะเติมงบกลางมาให้กับแรงงานที่กลับมาคนละเท่าไหร่
รวมทั้งมีการประสานในกรณี คือ คนที่กู้หนี้ยืมสินไปทำงานในอิสราเอลและยังทำงานไม่ครบ 5 ปี 3 เดือน ตรงนี้เมื่อกลับมาก่อนเว้นระยะเวลาในสัญญา ยังมีที่หนี้สินค้างอยู่ ทางกระทรวงจะขออนุมัติให้เอาแบงก์รัฐมาค้ำประกันต่อ
นอกจากนี้ ทางกระทรวงแรงงานกำลังหางานในประเทศไทย และหางานในประเทศอื่น ที่มีความประสงค์ จะรับคนงานที่มีความเชี่ยวชาญ ทางด้านการเกษตรกลับไปทำงานในประเทศนั้นๆ ที่มีการลงนามในเอ็มโอยูไปแล้ว คือประเทศเกาหลีใต้ เราพยายามที่จะเจาะตลาดประเทศอื่นๆ ที่มีการพัฒนาในด้านการเกษตร และต้องการผู้ที่มีทักษะในเรื่องของการเกษตรโดยเฉพาะคนไทยอีกหลายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นในประเทศแถบยุโรป หรือในออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้ก็มีการแจ้งความจำนงมาที่กระทรวงแรงงาน ว่าต้องการแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านเกษตรโดยเฉพาะการเก็บผลไม้ การปลูกผัก การปลูกผลไม้เพื่อไปทำงานในประเทศเขา ซึ่งอยู่ระหว่างประสาน และจะลงนามในเอ็มโอยูในการที่จะส่งแรงงานไปในต่างประเทศ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีนายจ้างอิสราเอลมีการเพิ่มค่าจ้างเพื่อให้แรงงานไทยทำงานต่อถึงวันที่ 10 พ.ย. ว่า ทางทูตไทยประจำอิสราเอลได้ไปสื่อสารถึงนายจ้างว่า เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง และเข้าใจว่าปัญหาได้รับการแก้ไขปัญหาหมดแล้ว โดยหากลูกจ้างแรงงานไทยต้องการกลับไทยก็ให้มีการจ่ายเงินค้าจ้างทันที จึงอยากให้สบายใจ และขอให้แรงงานไทยเร่งกลับไทย ซึ่งทุกอย่างยังเป็นไปได้ด้วยดี