นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งแรก พร้อมเปิดเผยว่า ได้มีการหารือสถานการณ์สู้รบในอิสราเอลในเชิงลึก โดยมีการประเมินว่า สงครามมีแนวโน้มขยายวงกว้าง ไม่ใช่แค่คู่ขัดแย้ง 2 ประเทศ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะขยายไปในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จอร์แดน และเลบานอน และมีถึง 10 ประเทศแล้วที่ได้มีการเข้าไปพูดคุยกับประชาชนที่อยู่กับ 2 ประเทศดังกล่าว และได้มีการพิจารณาอพยพ ในส่วนทางการไทยจะมีการประเมินอีกครั้งและจะมีการแจ้งให้ทราบถึงปัญหาที่อาจจะลึกลามไปในภูมิภาค ส่วนแรงงานไทยที่อยู่ในประเทศนั้นๆ จะมีการพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ในส่วนของเหตุผลที่มีการขยายวงสงคราม เนื่องจากมีการทำสงครามด้านไซเบอร์และโดรนเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลมีความเป็นห่วงว่า จะขยายวงกว้างไปสู่ประเทศที่ใกล้เคียงด้วย
ส่วนในประเทศอิสราเอล ตอนนี้แรงงานที่แจ้งเจตจำนงจะกลับประเทศไทยใกล้จะหมดแล้ว ซึ่งไฟล์ทเดินทางวันนี้มีที่ว่าง 100 กว่าที่นั่ง ดังนั้น ไม่อยากใช้คำว่า หมดภารกิจทางรัฐบาล แต่จำเป็นต้องพูดคุยต่อเนื่องกับแรงงานที่ประสงค์อยู่ต่อว่า สงครามอาจรุนแรงและขยายวงกว้างออกไปได้ หากอยากเดินทางกลับรัฐบาลพร้อมดูแล
ทั้งนี้ พบปัญหาว่า มีแรงงานที่ยังไม่ทราบอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงรายงานว่า มีแรงงานจำนวนหนึ่งที่เดินทางไปโดยไม่ถูกกฏหมาย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องที่ใหญ่กว่า ต้องเสาะหาให้ได้ว่า แรงงานเหล่านี้อยู่ที่ไหน และต้องแจ้งข้อมูลให้ทราบว่า สถานการณ์จะมีความรุนแรง เพื่อให้แรงงานเหล่านี้ตัดสินใจเดินทางกลับมาได้ ดังนั้น แม้แรงงานจะไปอย่างถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง รัฐบาลยินดีจะรับกลับมาได้
ส่วนแรงงานที่ตัดสินใจไม่เดินทางกลับ จะต้องให้ความมั่นใจว่า จะสามารถติดต่อสื่อสารได้โดยตรง โดยไม่ผ่านบุคคลอื่น เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบถึงเหตุการณ์โดยตรง อย่างน้อยประชาชนที่อยู่ตรงจุดนั้น จะได้ทราบข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้จะมีการพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน เพื่อจัดทำรายชื่อ แล้วติดต่อทางโทรศัพท์ หรือส่งข้อความไปแจ้งว่า สถานการณ์จะรุนแรงขนาดไหนอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การช่วยเหลือตัวประกันรัฐบาลจะช่วยเหลือเต็มที่ ซึ่งจะมีการพูดคุยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ ภายหลังเดินทางกลับมาจากประเทศกาตาร์และอียิปต์ ซึ่งแนวโน้มการช่วยเหลือตัวประกันเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่คงต้องรอก่อนว่าจะมีข่าวดีเมื่อไร เพราะทางไทยเองก็ไม่ทราบว่า อีกฝ่ายจะตัดสินใจอย่างไร เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักความปลอดภัยของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
นอกจากนี้ ได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หากสงครามขยายตัวจะกระทบกับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านความมั่นคงพลังงาน โดยได้พูดคุยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงานเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) เพื่อเตรียมเสนอแผนความมั่นคงด้านพลังงาน หากเกิดปัญหาขึ้นย่อมส่งผลกระทบ โดยยืนยันว่า ได้มีการเตรียมพร้อมตั้งรับสถานการณ์อย่างเต็มที่ หากสงครามมีการขยายวงกว้างขึ้น