นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา ว่า ตนและคณะได้เดินทางไปประเทศกาตาร์ ประเทศอียิปต์ และประเทศอิหร่าน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือตัวประกันไทย ซึ่ง ทั้ง 3 ประเทศ เป็นมิตรประเทศของไทย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมาตลอด และพร้อมช่วยเหลือไทยอย่างเต็มที่ โดยผลจากการหารือได้ทราบว่ากลุ่มฮามาสที่จับตัวประกันไทยไปไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียว อย่างน้อยมี 2 กลุ่มขึ้นไป ดังนั้น การเจรจาไม่สามารถเจรจากลุ่มเดียวได้ อาจต้องแยกกันไปเจรจาเพื่อให้มีการปล่อยตัวประกัน
ส่วนรายงานที่มีการระบุว่า มีแรงงานไทยถูกจับเพิ่มอีกหลาย 10 คน นายปานปรีย์ กล่าวว่า ล่าสุดรายงานจากสถานทูตไทยประจำอิสราเอล ยังยืนยันอยู่ที่ประมาณ 23 คน ส่วนจำนวนคนที่อ้างว่ามีเพิ่มขึ้นนั้น ทางอิสราเอลยังยืนยันว่า ยังเป็นจำนวนเดิมอยู่ ไม่มีถูกจับตัวเพิ่มเติม
นายปานปรีย์ กล่าวว่าได้ขอร้องให้ 3 ประเทศช่วยผลักดัน และเจรจาเพื่อให้มีการปล่อยตัวคนไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งทั้ง 3 ประเทศ ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสู้รบ อยากให้ประเทศไทยสนับสนุนให้หยุดยิงโดยเร็ว เนื่องจากจะทำให้มีโอกาสในการปล่อยตัวประกันเร็วขึ้น ทั้งนี้ ตนกล่าวว่า ถ้าการเจรจาหยุดยิงเกิดล่าช้าไป เป็นไปได้อยากให้เจรจาปล่อยตัวคนไทยออกมาเร็วที่สุด วันนี้หรือพรุ่งนี้ได้ยิ่งดี ซึ่งทั้ง 3 ประเทศก็รับปากที่จะดำเนินการในส่วนนี้
"จากการหารือกับกาตาร์ เขาเชื่อว่าคนไทยจะได้รับการปล่อยตัวเป็นกลุ่มแรก ซึ่งฟังแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น ในส่วนของอิหร่าน ซึ่งเชื่อว่ามีความใกล้ชิดกลุ่มฮามาสเป็นอย่างมาก ได้รับปากว่าจะช่วยเจรจาและผลักดันให้มีการปล่อยตัวโดยเร็ว ส่วนอียิปต์ หลักๆ คือหารือให้ช่วยหาช่องทางเพื่อสื่อสารให้มีการปล่อยตัวโดยเร็ว ซึ่งเขาก็รับปากว่าจะรีบดำเนินการ" นายปานปรีย์ กล่าว
นอกจากนี้ ถ้ามีความคืบหน้าในเรื่องการปล่อยตัว ได้ขอให้ทั้ง 3 ประเทศแจ้งเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศรับทราบทันที เพื่อที่ไทยจะได้เตรียมตัวไปรับตัวประกัน โดยในส่วนของประเทศอียิปต์ที่มีดินแดนติดกาซา อาจเป็นจุดหนึ่งในกรณีที่มีการปล่อยตัวประกัน ถ้ามีการปล่อยตัวในจุดนั้น ไทยได้ขออนุญาตรมว.ต่างประเทศของอียิปต์ ให้เอกอัครราชทูตไทย หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง สามารถเดินทางไปรับตัวประกันในจุดชายแดนได้ทันที ซึ่งเขาได้อนุญาตให้แล้ว
"3 ประเทศที่ไทยไปพูดคุย เป็นกลุ่มประเทศที่มีอิทธิพล สามารถพูดคุยกับกลุ่มฮามาส และปาเลสไตน์ได้ ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับประเทศอื่น ก็พร้อมที่จะเดินทางไปพูดคุย" นายปานปรีย์ กล่าว
ในส่วนของชุดคณะทำงานของสภาผู้แทนราษฎร ที่เดินทางไปเจรจาเรื่องตัวประกันนั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีความตั้งใจในการประสานเครือข่ายที่จะช่วยผลักดันให้คนไทยหลุดพ้นอันตราย และกลับมาได้อย่างปลอดภัย โดยรัฐบาลไทยไม่ได้จำกัดการทำงานอยู่ที่เพียงฝ่ายเดียว ภาคเอกชน หรือฝ่ายการเมือง หรือภาคส่วนอื่นๆ ที่จะช่วยเหลือก็มีความยินดี
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า ตอนนี้กำลังรอคอยให้ความรุนแรงของสงครามในบางเขตลดลงพอที่จะสามารถให้ตัวประกันออกมาได้ และเมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้โทรศัพท์มาหาและแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้ตัวประกันคนไทย 12 คนหนึ่งกลุ่ม และ 8 คน อีกกลุ่มหนึ่ง กำลังถูกลำเลียงมาอยู่ในที่เดียวกัน เมื่อมีจังหวะดีก็จะย้ายออกมาอยู่รวมกัน ส่วนอีก 2-3 คน กำลังหาตัวว่าอยู่จุดใด
"ตอนนี้ ยังหาตัวไม่ได้อีก 2-3 คน แต่จำนวน 20 คนนั้น ทางนายกฯ มาเลเซีย ยืนยันว่าขอให้สบายใจได้ว่าปลอดภัย" นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนี้ตนจะสั่งการให้เตรียมพร้อมเครื่องบินไว้ แม้ว่าขณะนี้ไม่มีคนไทยในอิสราเอลแสดงเจตจำนงเดินทางกลับแล้ว แต่ก็ต้องเตรียมเส้นทางการบินไว้ หากมีความต้องการจะอพยพคนไทยในประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่อิสราเอล จะได้เคลียร์เส้นทางการบินไว้ก่อน ถือเป็นการเตรียมการล่วงหน้า