นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังตรวจสภาพการจราจรบริเวณแยกซังฮี้ เขตดุสิต ถึงแยก จปร. เขตพระนคร ว่า วันนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างกทม. กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เรื่องการจราจร ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่อง และเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ในการดูแลเรื่องการจราจร เนื่องจากมีผลทั้งในเรื่องของความสะดวก รวมทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)
ทั้งนี้ จากการตรวจสภาพการจราจร พบว่า ปัญหาการจราจรคือผังเมือง ประชาชนอาศัยอยู่ฝั่งธนบุรี แต่แหล่งงาน แหล่งการศึกษาอยู่ฝั่งกรุงเทพฯ ดังนั้น การจราจรจะเป็นคอขวดอยู่บริเวณสะพาน ไม่ว่าจะสะพานซังฮี้ สะพานพระราม 8 สะพานพระปิ่นเกล้า แนวคิดก็คือทำรถไฟฟ้าให้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดทำท่าเรือข้ามฝาก แต่คงต้องศึกษาแนวทางเพื่อพยายามบรรเทาปัญหาการจราจร
อย่างไรก็ดี ได้ข้อสรุป 7 ข้อ ที่ต้องร่วมดำเนินการกับสตช. ดังนี้
1. เรื่องการกวดขันวินัยจราจร เรื่องนี้ต้องช่วยกันเต็มที่ ซึ่ง กทม. จะจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมกวดขันวินัยจราจร เช่น จอดรถในที่ห้ามจอด หรือไม่หยุดตามจังหวะสัญญาณไฟจราจร
2. เรื่องจุดฝืด กทม.จะกำหนดจุดฝืด ในแต่ละเขตว่ามีจุดฝืดกี่แห่ง กี่จุด และจะขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการอำนวยความสะดวกการจราจร
3. เรื่องรถบรรทุกที่วิ่งผิดเวลา วิ่งนอกเวลา ต้องฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกวดขัน
4. รถบรรทุกที่บรรทุกของหนัก น้ำหนักเกิน เนื่องจากปล่อยควันพิษ และฝุ่น PM 2.5
5. การบริหารจัดการช่องการจราจร บริเวณโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในพื้นที่
6. กทม. จะช่วยเรื่องอุปกรณ์ เช่น ติดตั้งกล้อง CCTV ติดตั้งสัญญาณไฟอัจฉริยะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีข้อมูลที่เป็นภาพรวม
7. ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง กทม. และสตช. อาจจะประชุมร่วมกันทุกวันศุกร์ เพื่อติดตามสถานการณ์และหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา ถ้าทั้ง 2 หน่วยงานร่วมมือกัน แม้อาจจะแก้ไขไม่ได้ 100% แต่อย่างน้อยปัญหาการจราจรบรรเทาแน่นอน
"รถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกิน ที่เข้ามาในไซต์งานก่อสร้าง ต้องทำการตรวจสอบน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ หาก กทม. ตรวจพบจะสั่งหยุดการก่อสร้าง เพราะทำให้เกิดความเสียหายหลายด้าน ทั้งผิวการจราจรชำรุด ปล่อยควันพิษ และฝุ่น PM 2.5" ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว