นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง ที่ออกตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จำนวน 9 ฉบับ ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.66 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
โดยกฎหมายลำดับรอง 9 ฉบับ ได้แก่
1) พ.ร.ฎ.เกี่ยวกับการให้กิจการที่มีลูกจ้างน้อยกว่าสิบคนเป็นสมาชิกของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
2) พ.ร.ฎ.เกี่ยวกับการกำหนดเวลาเริ่มให้มีการส่งเงินสะสมและเงินสมทบให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
3) กฎกระทรวงเกี่ยวกับการให้นายจ้างจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย
4) กฎกระทรวงเกี่ยวกับอัตราเงินสะสม และเงินสมทบที่จะต้องส่งให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
5) ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเกี่ยวกับการให้ลูกจ้างที่มิได้อยู่ในบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
6) ประกาศหรือระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเกี่ยวกับแบบหลักเกณฑ์ และวิธีการยื่นขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขแบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้างและการออกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนให้แก่นายจ้าง
7) ประกาศหรือระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเกี่ยวกับการนำส่งเงินสะสม เงินสมทบ และเงินเพิ่มเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
8) ประกาศหรือระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินเงินสะสมและเงินสมทบที่นายจ้างต้องนำส่งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
9) ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เกี่ยวกับแบบหนังสือกำหนดบุคคลผู้พึงได้รับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีลูกจ้างตาย
ทั้งนี้ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรองดังกล่าว เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การเก็บเงินสะสมของลูกจ้าง และเงินสมทบของนายจ้างเข้าสู่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างที่ต้องพิจารณาศึกษาปัจจัยอย่างรอบด้าน เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ลูกจ้าง และนายจ้าง ตลอดจนพิจารณาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ และแนวโน้มของปัจจัยในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะในประเด็นภาวะหนี้ครัวเรือนต่อสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปี 2565 และอัตราค่าครองชีพประกอบการพิจารณาด้วย จึงมีความจำเป็นต้องขอขยายระยะเวลาในการออกกฎหมายลำดับรองออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.66