นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะตัวแทนประธานรัฐสภาเพื่อเจรจาช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่อิสราเอล พร้อมด้วย นายเลอพงษ์ ซาร์ยีด นายกสมาคมนักเรียนเก่าไทย-อิหร่าน ในฐานะตัวแทนคณะเจรจาฯ แถลงถึงความคืบหน้าการเจรจากับกลุ่มฮามาสเพื่อปล่อยตัวประกันชาวไทยที่ถูกจับในระหว่างสถานการณ์สู้รบอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
นายเลอพงษ์ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์แบบรายชั่วโมง และหลังจากยูเอ็นได้กดดันให้อิสเราเอลหยุดยิง 72 ชั่วโมง เพื่อให้ปล่อยตัวตัวประกันและลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยชนวานนี้ ล่าสุดนั้นตนติดตามพบว่ากลุ่มฮามาสเตรียมปล่อยตัวประกันที่จับกุมจำนวน 50 คน ซึ่งคณะเจรจาฯ ร้องขอฐานะเป็นคนมุสลิมด้วยกันให้ปล่อยตัวคนไทยที่ถูกจับทั้ง 25 คน โดยกลุ่มฮามาสระบุว่าจะปล่อย ดังนั้นจึงหวังว่าใน 2-3 วันนี้อย่างเร็วที่สุด หรือใน 10 วันจะมีข่าวดี ส่วนจุดปล่อยตัวนั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับคำยืนยัน แต่จากการเจรจาพบว่าชายแดนอิหร่านเป็นตัวเลือกหนึ่ง
นายเลอพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์สู้รบนั้นยอมรับว่าวิกฤตที่สุด เพราะอิสราเอลไม่เลือกจุดหมายการโจมตี ทั้งโรงพยาบาล เพราะไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยธรรมใดๆ ทั้งนี้กลุ่มฮามาสรับประกันความปลอดภัย และการดูแลคนไทยที่จับเป็นตัวประกัน อย่างไรก็ดีกลุ่มฮามาสระบุเหตุผลที่จับแรงงานไทย เนื่องจากแรงงานเข้าไปทำงานในสถานที่ที่เป็นข้อพิพาท จึงจำเป็นต้องจับเพราะรุกรานพื้นที่ แต่แรงงานไทยไม่ถือว่าเป็นคู่ขัดแย้ง
"การจับแรงงานไทยเป็นตัวประกันนั้น เขาไม่ยืนยันตัวเลข เพราะมีกลุ่มอื่นที่ไปจับกุมด้วยแต่ตัวประกันคนไทยกลุ่มฮามาสยืนยันในเรื่องความปลอดภัย ส่วนการโจมตีของอิสราเอลที่ไม่เลือกพื้นที่นั้น ยอมรับว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม สำหรับคณะเจรจาฯ ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงแรงงานไทยที่ไม่ยอมกกลับ ซึ่งไม่รู้เหตุผล การถล่มในพื้นที่ขัดแย้งนั้น ระบบไอรอนโดมนั้นไม่สามารถสกัดอาวุธได้จริง ทำให้มีคนเสียชีวิตเพิ่มเติม แต่ตัวเลขไม่ยืนยันเพราะอิสราเอลปิดบังตัวเลขและต้องการกดตัวเลขให้เป็น 1,400 ราย ดังนั้นสิ่งที่กลัวคือ โอกาสที่คนไทยจะเสียชีวิตเพิ่มเติม" นายเลอพงษ์ กล่าว
นายมุข กล่าวว่า จากการรับฟังจากคณะเจรจาฯ ตนรู้สึกสบายใจที่คนไทยปลอดภัย แม้ปัจจุบันการหยุดยิงจะไม่เกิดขึ้น ทำให้การปล่อยตัวประกันคนไทยนั้นยังไม่เกิดขึ้นตามที่เคยเจรจากับกลุ่มฮามาสไปก่อนหน้านี้ โดยการหยุดยิงนั้น กลุ่มฮามาสรวมถึงหลายประเทศเรียกร้องกดดันต่ออิสราเอลไปแล้ว จึงขึ้นอยู่กับอิสราเอลว่าจะยอมรับหรือไม่
"ผมขอเรียกร้องคนไทยที่อยู่ในอิสราเอลให้ทบทวนการทำงานในพื้นที่สู้รบ เพราะขณะนี้ทุกพื้นที่ในอิสราเอลไม่ปลอดภัย ดังนั้นควรกลับมาก่อน เราพยายามจะช่วยเหลือ แต่ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ดังนั้นคนไทยในอิสราเอลต้องห่วงตัวเองด้วย เพราะในภาวะสงครามโอกาสตายหรือถูกจับนั้นเกิดขึ้นได้" นายมุข กล่าว