น.สพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ประกาศส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมของทุกเดือน ให้มูลนิธิต่าง ๆ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนั้น โดยเงินเดือนประจำตำแหน่ง และเบี้ยประชุมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้คัดเลือกมูลนิธิเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 แห่ง คือ
1. มูลนิธิคนพิการไทย จำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนในโครงการ "เป็นแขน-ขาให้ตากะยาย" โดยผลิตวีลแชร์ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กพิการ คนพิการ และผู้สูงอายุทั่วประเทศ
2. มูลนิธิอิสรชน จำนวน 50,000 บาท ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินกิจกรรมกับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในประเทศไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือ การแบ่งปันอาหาร หรือมอบถุงปันสุขให้แก่คนด้อยโอกาส และผู้ยากไร้ในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ
3. มูลนิธิสายธารสุขใจ จำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนในการซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง และจัดหาสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้กับผู้ชรา และคนยากไร้
4. มูลนิธิบ้านพระพร จำนวน 50,000 บาท เพื่อให้การช่วยเหลือ และเป็นทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้พ้นโทษ และเด็กที่พ่อแม่อยู่ในเรือนจำ เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางแล้ว นายกรัฐมนตรีและคณะของรัฐบาล ยังมีการลงพื้นที่เพิ่มเติมในหลาย ๆ พื้นที่ เช่น จังหวัดยโสธร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น โดยเข้าไปพบปะพูดคุยกับประชาชนและองค์กรต่าง ๆ รับฟังปัญหาและความต้องการ เพื่อจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป