นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ร่วมกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พื้นที่ต้นแบบจังหวัดสุโขทัย ระยะที่ 1
สำหรับผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคฯ มีกองทุนหมู่บ้านฯ เข้าร่วมโครงการจำนวน 159 กองทุน ครัวเรือนสมาชิก 1,000 ครัวเรือนๆ ละ 50,000 บาท จากการดำเนินงานนำร่อง 1 ปี ที่ผ่านมา สทบ.ได้แต่งตั้งคณะทำงานฯ ในระดับพื้นที่เพื่อติดตาม สนับสนุนโครงการฯ อย่างใกล้ชิด ทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีทั้งการเลี้ยงโคเนื้อและโคกีฬา ปัจจุบันมีผลผลิต (ลูกโค) ณ ขณะนี้ จำนวน 1,910 ตัว คิดเป็น 95.5% จากแม่พันธุ์โค 2,000 ตัว ทั้งนี้มีวัวของสมาชิกบางครัวเรือนที่โดนงูกัดตายบ้าง แท้ง และเป็นหมัน ซึ่งทางกองทุนหมู่บ้านฯ ได้นำวัวมาเปลี่ยนให้ โดยแม่พันธุ์โคอีกจำนวนไม่น้อยกว่า 50 ตัวตั้งท้องและใกล้ออกลูก
การเลี้ยงโคเนื้อมีต้นทุนถูกกว่าเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจอื่นๆ เช่น ไก่ หมู ต้นทุนการเลี้ยงมีเพียงหญ้าเท่านั้น ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ยังได้ให้ความรู้กับเกษตรกรในการเลี้ยงโคควบคู่กับการปลูกหญ้า เพื่อทดแทนการซื้ออาหารมาขุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย แม้ว่าราคาขายอาจต่ำกว่าโคขุน แต่ในระยะยาวเกษตรกรจะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงของราคาโคขุนที่มีความผันผวน
นอกจากนี้โครงการเลี้ยงโคยังมีความสอดคล้องและเสริมกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็นครัวของโลกและเป็นศูนย์กลางของการผลิตอาหารฮาลาล (Halal Hub) ซึ่งความต้องการบริโภคอาหารประเภทเนื้อวัวมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามประชากรชาวมุสลิมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก หากเกษตรกรชาวไทยหันมาทำเกษตรกรรมปศุสัตว์เลี้ยงโคเนื้อมากขึ้นความฝันที่จะเป็นครัวของโลกก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
นายอนุชา กล่าวว่า การลงพื้นที่ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคฯ ซึ่งในสมัยที่ได้ดำรงตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกำกับดูแลสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) นั้นได้ขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาชีพเลี้ยงโคสามารถทำเงินได้ถึงหลักแสนบาทต่อปี จึงถือว่าเป็นอาชีพที่ทำรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากโคเป็นสัตว์ที่กินง่ายโตไว อีกทั้งปัจจุบันมีความต้องการการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มสูงขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะเนื้อโค
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้ให้เกษตรกรผ่านหลักการ "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" โดยสนับสนุนให้เกษตรกรประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ นอกจากการเพาะปลูกพืชเพียงอย่างเดียว ตลอดจนการบริหารจัดการทรัพยากรดิน พัฒนาแหล่งน้ำ เช่น ธนาคารน้ำใต้ดิน และนำนวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการเกษตรมาใช้ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น โดยจะมอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดินสานต่อขับเคลื่อนโครงการ เปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะทำเกษตรมาปลูกหญ้าเลี้ยงโค
ขณะเดียวกันได้เร่งขับเคลื่อนโครงการชัยนาทโมเดลให้สามารถขยายผลได้ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาพื้นที่ส่งเสริมให้เกษตรกรจำนวนกว่า 100 ครอบครัวได้มีอาชีพเลี้ยงโค โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนองค์ความรู้ แหล่งเงินทุน ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร ตลอดจนหาช่องทางการตลาดให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าการผลิตพืชเพียงอย่างเดียว เพื่อลดความเสี่ยงด้านการผลิต