นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ปัญหา "ซิมม้า" หรือ ซิมการ์ดมือถือ ที่คนร้าย หรือแก๊งคอลเซนเตอร์ใช้ในหลอกลวงออนไลน์ ได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก บางครั้ง ซิมเบอร์เดียว โทรออก 500 ครั้งต่อวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ หรือแม้กระทั่ง บางคนมีซิมโทรศัพท์ใช้เป็นร้อยๆ ซิม และไม่ได้ยืนยันตัวตนให้ถูกต้อง เป็นช่องทางของมิจฉาชีพในการใช้ซิมม้า
โดยล่าสุด เมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) กระทรวงดีอี ได้จัดประชุมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ตลอดจนภาคเอกชน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ อาทิ AIS และ True และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงมาตรการแก้ไขปัญหาซิมม้า โดยได้สรุปเป็น 6 มาตรการเชิงรุก ในการป้องกันและปราบปรามการใช้ซิมม้า ดังนี้
1. กำหนดให้ผู้ใช้บริการที่ถือครองซิมการ์ดมือถือเกิน 5 เลขหมาย ต่อผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ จะต้องมีการมายืนยันตัวตนภายใน 30 วัน ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งต้องมีการออกประกาศ โดยการออกประกาศอยู่ระหว่างการดำเนินการของ คณะกรรมการ กสทช. โดยควรดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน และให้มีผลให้ต้องลงทะเบียน ไม่เกิน 30 วันนับแต่การออกประกาศ
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.66 มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือ หรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และมีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือ หรือซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไปถึง 7,664 ราย
2. กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ให้ดำเนินการตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ที่ผิดปกติ โดยเฉพาะซิมบุคคลธรรมดา ที่มีการโทรออกตั้งแต่ 100 สาย ในระยะเวลาสั้นๆ หรือ 100 สายต่อวัน โดยให้ตรวจสอบทั้งการโทรออกจากช่องทางปกติ และการโทรออกจากระบบอินเทอร์เน็ต หากพบจะต้องเร่งดำเนินการ สั่งการให้อายัดหมายเลข พร้อมทั้งการส่งข้อมูลของซิม การ์ด ชื่อเจ้าของซิม และพฤติกรรมที่ต้องสงสัย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวน จับกุมขยายผลโดยเร็ว
3. เร่งระงับเบอร์ และขยายผลสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดี จากเบอร์และชื่อเจ้าของเบอร์ ที่ได้จาก (1) การแจ้งความออนไลน์ (Thaipoliceonline.com) ว่าเป็นเบอร์คนร้ายที่ใช้ในการหลอกลวง (2) เบอร์ที่รับแจ้งกับ AOC 1441 ว่าเป็นหมายเลขคนร้าย (3) เบอร์ที่ผู้ให้บริการสื่อสาร ตรวจพบเอง จากระบบ fraud detection และ กสทช. แจ้งว่าเป็นเบอร์ที่ใช้โดยคนร้าย และ (4) เบอร์ที่ต้องสงสัย อาทิ เบอร์ที่ใช้กับอุปกรณ์ ซิมบ็อกซ์ (SIM BOX) หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้กระทำผิด เป็นต้น
ทั้งนี้ ต้องมีการดำเนินคดีโดยเคร่งครัดกับ นายหน้าซิมม้า ผู้จัดหาซิมม้า ผู้ขายซิมม้า รวมทั้งผู้ยินยอมให้คนร้ายใช้ซิมตนเองหรือซิมม้า ซึ่งมีโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี สำหรับนายหน้า, ผู้จัดหาซิมม้า และจำคุก 3 ปี สำหรับเจ้าของซิมม้า หรือผู้ยินยอนให้ผู้อื่นใช้ซิมไปใช้ทำผิดกฎหมาย
4. ให้แจ้งข้อมูลการโทรที่ผิดปกติดังกล่าวข้างต้น ต่อ ศูนย์ AOC 1441 และ ระบบ Audit numbering ของสำนักงาน กสทช. เพื่อให้เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูล ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกหน่วย ร่วมเร่งตรวจสอบขยายผล แบบบูรณาการ วิเคราะห์อาชญากรรม สืบสวนสวน สอบสวนนำตัวผู้กระทำความผิด และเครือข่ายมาลงโทษโดยเร็ว
5. ดำเนินการตรวจสอบ หมายเลขโทรศัพท์/เสาสัญญาณ และการตั้งสถานีแพร่กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบให้ดำเนินการระงับสัญญาณทันที
6. ดำเนินการกำกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีการให้บริการนอกราชอาณาจักรไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากตรวจสอบพบ ก็จะให้มีการแก้ไขปรับเปลี่ยนทิศทางการแพร่สัญญาณ
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการใช้บัตรประจำตัวชาวต่างด้าว มาลงทะเบียนซิมการ์ดเปิดใช้งานและขายแก่บุคคลทั่วไป ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นช่องทางเป็นช่องทางให้โจรใช้ในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ อาทิ ที่ แม่สอด จังหวัดตาก พร้อมของกลางซิมพร้อมใช้งาน 4,379 หมายเลข และที่ชุมพร พบของกลางกว่า 10,000 หมายเลข
"กระทรวงดีอี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ให้บริการมือถือ มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการใช้ซิมม้า ทั้งนี้ ฝากเตือนถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับซิมม้าหรือผู้ที่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ซิมไปกระทำผิดกฎหมาย ต้องรีบไปยกเลิกหมายเลขทันที เนื่องจากเราเอาจริง โทษหนัก อาจถูกจำคุกถึง 5 ปี" นายประเสริฐ กล่าว