นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามการทำเกษตรแปลงใหญ่ การแปรรูปสินค้าเกษตร และพบปะประชาชนที่วัดสว่างชัยศรี อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู
นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมกิจกรรมผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นและกิจกรรมด้านการเกษตรที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งซอฟท์พาวเวอร์สำคัญของไทยในการช่วยขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศ สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน ดังนี้
1) เยี่ยมชมตลาดชุมชน ยลวิถีชาวบ้าน โดยร่วมกิจกรรมตำข้าว โดยใช้ครกมองโบราณ และร่วมฝัดเปลือกข้าว
2) รับฟังแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อลดการใช้สารเคมีในพื้นที่แนวทางการแก้จนภาคการเกษตร การขับเคลื่อนเกษตรแปลงใหญ่ Young Smart Famer
3) รับฟังแนวทางการยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพกลุ่มแปรรูป โดยกรมประมง และประธานกลุ่มแปรรูปปลาบ้านห้วยบง ตรา 1 เดียว
4) ชมการจักสานจากคล้าของผู้สูงอายุ
5) รับฟังแนวทางการยกระดับและผลักดัน ผ้าขิดสลับหมี่ ลายบัวลุ่มภู ผ้าฝ้ายแกมไหมทอมือลายอัตลักษณ์ประจำจังหวัด เป็นซอฟท์พาวเวอร์ตามนโยบายรัฐบาล โดยกรมหม่อนไหม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานสักขีพยานในโอกาส รมว.เกษตรและสหกรณ์ มอบ สปก. 4-01โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) และใบรับรองแหล่งผลิตพืช GAP ให้แก่ผู้แทนเกษตรกร
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับภาคเกษตรและเกษตรกรมาโดยตลอด และจะมุ่งมั่นผลักดันให้ประเทศไทยให้เป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง ด้วยการใช้ระบบเกษตรอัจฉริยะและวัฒนธรรมการเกษตรเข้ามาสร้างโอกาสเพิ่มผลิตผลที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรและยกระดับรายได้ของเกษตรกร โดยดำเนินนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ให้ความสำคัญกับการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ของประชาชน พร้อมขยายผลและสนับสนุนสินค้าของชุมชน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการยกระดับผ้าไทย พร้อมช่วยส่งเสริมและผลักดันผ้าไทยให้เป็นซอฟท์พาวเวอร์ที่มีคนรู้จักไปทั่วโลก พร้อมสนับสนุนการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์สินค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้น ดูแลรักษาง่ายเพื่อเป็นการต่อยอดสินค้าผลิตภัณฑ์สำหรับการเปิดตลาดให้กับคนรุ่นใหม่มากขึ้นและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันผ้าไหมไทยในเวทีโลก นอกจากนั้นการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ รัฐบาลจะส่งเสริมการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยผลิตสินค้าทางการเกษตรร่วมกันบริหารจัดการร่วมกัน ซึ่งเป็นการช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องการลดต้นทุนทางด้านการผลิต การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในการตลาดและมีอำนาจต่อรองในการหาปัจจัยการผลิตและจำหน่ายผลผลิตได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม อีกทั้งรัฐบาลจะส่งเสริม Young Smart Farmer โดยใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีนวัตกรรม และนำมาใช้ในกระบวนการผลิต การตลาด เพื่อให้มีผลผลิตต่อหน่วยต่อไร่เพิ่มขึ้น ผลผลิตมีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสและขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับมาตรฐานของสินค้าเกษตร