นายกริชเพชร ชัยช่วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือโดยสารสาธารณะในแม่น้ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 29 แห่งให้เป็นสถานีเรือ(ระบบปิด) หรือ ท่าเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) วงเงินรวม 799.798 ล้านบาท แผนดำเนินงานปี 62-69 โดยมีการดำเนินงาน 2 ส่วน คือ 1.การก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือ จำนวน 29 แห่ง วงเงิน 629.298 ล้านบาท และ 2.การปรับปรุงศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำกรมเจ้าท่าและการติดตั้งอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยบริเวณท่าเรือโดยสารแม่น้ำเจ้าพระยา วงเงิน 170.5ล้านบาท
ปัจจุบันดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จจำนวน 9 ท่า ได้แก่ ท่ากรมเจ้าท่า ท่าสะพานพุทธ ท่านนทบุรี ท่าช้าง ท่าเรือสาทร ท่าราชินี ท่าพายัพและท่าบางโพ ท่าเตียน
อยู่ระหว่างปรับปรุง 5 ท่า วงเงินดำเนินการรวม 189 ล้านบาท ซึ่งมีความล่าช้า จากแผนเนื่องจาก ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ผลกระทบสถานการณ์ โควิด-19 และพื้นที่ก่อสร้างมีโครงสร้างสะพานทับซ้อน เป็นต้น จึงมีการปรับแผนการก่อสร้างใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 67 ได้แก่ ท่าพระปิ่นเกล้า วงเงิน 19.39 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จ เปิดบริการ เดือนเม.ย. 67 ,ท่าพระราม 5 วงเงิน19.40 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จ เปิดบริการ เดือนพ.ค.67, ท่าปากเกร็ด วงเงิน 25.98 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จ เปิดบริการ เดือนก.ย.67
ท่าเกียกกาย วงเงิน 44.33 ล้านบาท. อยู่ระหว่างจัดทำรูปแบบรายการเพื่อส่งแบบก่อสร้างให้กทม. คาดแล้วเสร็จ เปิดบริการ เดือนก.ย.67 และ ท่าพระราม 7 วงเงิน 40.86 ล้านบาท ผู้รับจ้างเดิมทิ้งงานจึงมีการบอกเลิกสัญญาและขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแบบรูปรายการเพื่อ ดำเนินการจัดจ้างผู้รับจ้างรายใหม่ คาดแล้วเสร็จ เปิดบริการ เดือนก.ย.67
พร้อมกันนี้ เตรียมขอตั้งงบประมาณปี 2568 วงเงิน 305.30 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างอีก 15 ท่า โดยมีการปรับแผนดำเนินการก่อสร้างให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับมีเป้าหมายแล้วเสร็จ เปิดบริการเดือนพ.ย.68 จำนวน 6 ท่า และที่เหลืออีก 9 ท่า จะแล้วเสร็จ เปิดบริการ ในปี 69 อีกจำนวน 9 ท่า
ได้แก่ ท่าสี่พระยาวงเงิน 38.80 ล้านบาท ท่าเขียวไข่กาวงเงิน 22 ล้านบาท ท่าสะพานกรุงธน (ซังฮี้) วงเงิน 20.70 ล้านบาท ท่าพรานนกวงเงิน 31.40 ล้านบาท ท่าเทเวศร์วงเงิน 41.70 ล้านบาท ท่าโอเรียนเต็ล วงเงิน 42.90 ล้านบาท ท่าราชวงศ์ วงเงิน 42.10 ล้านบาท
ท่าพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี) วงเงิน 18.10 ล้านบาท ท่าวัดตึก วงเงิน 9.10 ล้านบาท ท่าพิบูลสงคราม วงเงิน 18.10 ล้านบาท ท่าวัดเขมาวงเงิน 9.10 ล้านบาท ท่าวัดสร้อยทอง วงเงิน 9.10 ล้านบาท ท่าวัดเทพากร วงเงิน 9.10 ล้านบาท ท่าวัดเทพนารี วงเงิน 9.10 ล้านบาท ท่ารถไฟ วงเงิน 29 ล้านบาท
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ท่าเรือที่มีศักยภาพ โดยทำเป็นท่าเรือระบบปิด ซึ่งกรมเจ้าท่าได้ศึกษาแผนแผนแม่บท และเสนอกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาเห็นชอบ หลังจากนั้นจะส่งให้กรมธนารักษ์ เพื่อปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ จากท่าเรือสาธารณะให้สามารถบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป
ระยะแรก คาดว่าจะนำร่อง ประมาณ 5 ท่า ได้แก่ ท่าสาทร ท่าช้าง ท่านนทบุรี ท่าพรานนก เป็นต้น โดยจะเป็นการจัดสรรพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์เพื่อให้เอกชนเข้าไปบริหารดำเนินการพัฒนาดูแลปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก ความสะอาด เช่น ร้านค้าห้องน้ำ เป็นต้น และเก็บค่าตอบแทน มาใช้จ่ายได้โดยแบ่งพื้นที่ ใช้ในการพัฒนาเชิงพาณิชย์สัดส่วน 30% ที่เหลือยังคงพื้นที่สาธารณะ 70% โดยรายได้จะนำส่งกรมธนารักษ์ ส่วนกรมเจ้าท่ามีหน้าที่ในการกำกับดูแลการบริหารจัดการ การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร