นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และตัวแทนจากค่ายรถยนต์และผู้ค้าน้ำมัน ร่วมแถลงข่าวความร่วมมือเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จากยานยนต์
โดยในระหว่างเดือนพ.ย. 66 - ก.พ. 67 มีการจัดโครงการ "คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5" โดยค่ายรถยนต์ 9 บริษัท คือ TOYOTA ISUZU MITSUBISHI NISSAN MAZDA FORD HONDA SUZUKI และ HINO ให้ประชาชนนำรถยนต์เข้ามารับบริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ฟรี และให้ส่วนลดค่าซ่อม บำรุงรักษา และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รวมทั้งค่าอะไหล่และค่าแรง โดยเน้นที่รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล และเบนซินที่หมดอายุรับประกัน ซึ่งถ้าอายุรถยนต์ยิ่งมาก จะได้รับส่วนลดมากขึ้น เพื่อจูงใจให้ประชาชนนำรถเก่าเข้ามารับบริการบำรุงรักษาฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของรถยนต์ และลดผลกระทบที่จะทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของกรีนพีซ พบว่าปัญหา PM2.5 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจทั่วโลกกว่า 70 ล้านล้านบาท โดยแหล่งที่มาของฝุ่น PM2.5 มาจากการเผาในที่โล่ง 54% ภาคอุตสาหกรรม 17% ภาคขนส่ง 13% ภาคการผลิตไฟฟ้า 8% และอื่นๆ 8% แต่หากตรวจสอบเฉพาะในเขตเมือง จะพบว่าฝุ่น PM2.5 เกิดจากภาคขนส่งมากถึง 72% โดยรถบรรทุกพบมากที่สุดที่ 28% รถกระบะ 21% รถยนต์นั่ง 10% รถประจำทาง 7% รถมอเตอร์ไซค์ 5% และรถตู้ 1%
ดังนั้น กระทรวงพลังงาน จึงได้กำหนดนโยบาย 3C เพื่อลมหายใจที่ดีกว่าเดิม ประกอบด้วย
- Clean ยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ Euro5
- Care ส่งเสริมการเข้าศูนย์บริการเพื่อดูแลเครื่องยนต์
- Change สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
ในส่วนของการยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ Euro5 กระทรวงพลังงาน ได้วางแผนอย่างต่อเนื่อง โดยได้ประสานกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อปรับคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 ไป Euro5 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่เริ่มใช้ในหลายๆ ประเทศแล้ว และประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ในกลุ่มอาเซียนที่ใช้น้ำมัน Euro5 โดยเป็นมาตรการบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม. ได้ทดสอบการปล่อย PM2.5 จากยานยนต์จำลองดีเซลยูโร 3 ที่ผ่านการตรวจควันดำแล้ว โดยได้ตั้งข้อสังเกตระหว่างยานยนต์ที่ไม่มีการบำรุงรักษา และยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่อง ทดสอบโดย sensors ตรวจวัดคุณภาพอากาศจากโครงการ AIRLAB Microsensors Challenge 2023 ในห้องขนาดพื้นที่ 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งผลการทดสอบพบว่า ยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษา โดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่อง สามารถลดการปลดปล่อย PM2.5 ได้จริง
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ และไส้กรองอากาศ ตามเวลาหรือก่อนระยะเวลาที่กำหนด จะสามารถช่วยลดการปล่อย PM2.5 ได้ถึง 25% และช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้อีกด้วย จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่กระทรวงพลังงานได้ออกนโยบายปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 เป็น Euro5 เนื่องจากน้ำมัน Euro5 มีกำมะถันลดลงกว่า 5 เท่า จึงส่งผลให้ลดการปล่อย PM2.5 ในเครื่องยนต์ดีเซลได้กว่า 20%
นอกจากนี้ กทม. ยังดำเนินมาตรการลดฝุ่นจากต้นตออย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจวัดรถยนต์ควันดำ การแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด การเข้มงวดไซต์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น แต่ต้องไม่ลืมว่ามีรถในกรุงเทพฯ กว่า 6-7 ล้านคันที่ปล่อยควัน การติดขัดของการจราจรก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งต้องเข้มงวดเรื่องวินัยจราจร ถ้ารถแล่นได้เร็วขึ้น จอดแช่น้อยลง ก็จะปล่อยควันที่มี PM2.5 น้อยลง สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้มีสภาพอากาศปิด และเพดานการลอยตัวอากาศมีแนวโน้มลดต่ำลง ทำให้การกระจายตัวของฝุ่นละอองไม่ดี และคาดการณ์ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ จะส่งผลให้สถานการณ์ฝุ่นละอองในปี 2567 มีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อาจส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานบางช่วงเวลาได้
นอกจากนี้ การไม่บรรทุกสิ่งของหนักจนเป็นสาเหตุให้เกิดควันดำ การใช้น้ำมัน Euro5 หรือเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัวจะลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้เช่นกัน