นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ช่วงสัปดาห์ที่ 47-50 (ระหว่างวันที่ 19 พ.ย. - 16 ธ.ค. 66) ได้เก็บตัวอย่างจากระบบทางเดินหายใจของผู้ที่มาโรงพยาบาลด้วยกลุ่มอาการทางเดินหายใจ ในโรงพยาบาลเครือข่าย 14 แห่ง จำนวน 120-200 ตัวอย่าง/สัปดาห์ ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี PCR พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสัดส่วนที่สูงถึง 42% รองลงมา เป็นไรโนไวรัส/เอนเทอโรไวรัส 36.9% hMPV 9.3% อาร์เอสวี 6.4% และโควิด 19 อีก 5.4%
โดยในผู้ป่วยพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรง จนต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลนั้น มากที่สุดอยู่ในกลุ่มอายุน้อยกว่า 5 ปี รองลงมา เป็นกลุ่มอายุ 5-17 ปี และมากกว่า 65 ปีตามลำดับ
นพ.โอภาส กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยแล้วมีอาการรุนแรง คือ เด็กเล็ก เด็กวัยเรียน และผู้สูงอายุ ประกอบกับช่วงนี้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นในหลายพื้นที่ ซึ่งสภาพอากาศเช่นนี้มีผลให้เชื้อไวรัสอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น แพร่กระจายได้ง่ายและเร็วขึ้น
ดังนั้น ขอให้ประชาชนระมัดระวังรักษาสุขภาพ ดูแลอนามัยส่วนบุคคล รักษาร่างกายให้อบอุ่น โดยเฉพาะเมื่อมีอาการทางเดินหายใจ เป็นไข้ เจ็บคอ ไอ จาม มีน้ำมูก ให้สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่มีฝูงชนจำนวนมาก รวมทั้งการใกล้ชิดเด็กและผู้สูงอายุ หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และเฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยรุนแรงของผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง หากรับประทานยาเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น ขอให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว