ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะสิ้นสุดลง ออกไปอีก 3 เดือน พร้อมปรับลดพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพิ่มเติมอีก 2 อำเภอ ส่งผลให้เหลือพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ 18 อำเภอ จากเดิมทั้งหมด 33 อำเภอ ซึ่งเป็นไปตามผลประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 1/2567 ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นำเสนอ
"ให้ขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 19 ม.ค.นี้ ออกไปอีก 3 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังคงมีการก่อเหตุความรุนแรงต่อเนื่อง" น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
โดยให้ขยายระยะเวลารประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน, จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.67 ถึงวันที่ 19 เม.ย.67 จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 19 ม.ค.67 เนื่องจากปัจจุบันยังคงมีการก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งอนุมัติให้ปรับลดพื้นที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาเป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อนำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาบังคับใช้แทนตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.67 ถึงวันที่ 30 ก.ย.67