รัฐบาลทหารพม่าเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไซโคลนนาร์กิสพุ่งขึ้นเกือบถึง 22,500 ราย และมีผู้สูญหายอีก 41,000 ราย ขณะที่ทีมงานกู้ภัยเร่งระดมความช่วยเหลือไปยังสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดีซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของพม่า และอีกหลายพื้นที่ห่างไกลใน 5 เมืองของพม่าซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก
กระทรวงการต่างประเทศพม่าออกแถลงการณ์ยืนยันตัวเลขดังกล่าว พร้อมระบุว่าพื้นที่ลุ่มปากแม่น้ำอิรวดีซึ่งได้รับความเสียหายหนักที่สุด และเชื่อว่าพายุไซโคลนนาร์กิสเป็นพายุไซโคลนที่สร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุดให้กับภูมิภาคเอเชียนับจากปี พ.ศ. 2534 เป็นต้นมา ซึ่งในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตในประเทศบังกลาเทศจำนวนถึง 143,000 คน
เจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประมาณการในเบื้องต้นว่า ไซโคลนนาร์กิสซึ่งมีความเร็วลม 120 ไมล์ (190 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง และทำให้เกิดคลื่นยักษ์ความสูง 3.5 เมตรกวาดเข้าสู่พื้นที่ราบลุ่มชายฝั่ง ทำให้ประชาชนจำนวนหลายแสนคนไร้ที่อยู่อาศัย ขนาดของความสูญเสียทำให้พม่าจำเป็นต้องเปิดรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะแม้เมื่อคราวคลื่นยักษ์สึนามิถล่มหลายประเทศแถบชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียในปี พ.ศ. 2547 ผู้นำรัฐบาลทหารของพม่ายังปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ส่วนสภาพของเมืองย่างกุ้งหลังพายุไซโคลนพัดผ่านไป 4 วันนั้น สาธารณูปโภคหลายอย่างยังถูกตัดขาด ประชาชนจำนวนมากเข้าแถวยาวเพื่อรอรับน้ำดื่มบรรจุขวด และซื้อสินค้าจำเป็นบริเวณหน้าร้านค้าที่เปิดบริการ และหนึ่งในสินค้าขายดีที่สุดในขณะนี้คือเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ ถนนหลายสายมีกิ่งไม้และซากต้นไม้ที่ถูกแรงพายุกระชากจนถอนรากถอนโคนกีดขวางทางสัญจร สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--