นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของกรุงเทพฯ วันนี้ว่า ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน (15 ก.พ.) ที่ค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพกว่า 10 พื้นที่ แต่เช้าวันนี้ไม่มีค่าฝุ่นเป็นสีแดง โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสีส้ม และมีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าฝุ่นที่รายงานในแต่ละช่วงเวลา โดยศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศฯ นั้น เป็นค่าเฉลี่ย 24 ชม. เพื่อไม่ให้ตัวเลขมีค่าขึ้น-ลงมากเกินไป แต่หากดูค่าฝุ่นเป็นรายชั่วโมง จะพบว่าลดลงมากจากเมื่อวาน และภาพรวมตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึงสัปดาห์หน้า มีแนวโน้มดีขึ้น
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมากและได้เร่งรัดการดำเนินการ โดยกำชับว่าอย่าเพียงแค่พึ่งสภาพอากาศหรือลมที่จะช่วยให้ค่าฝุ่นลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เราต้องดูแหล่งกำเนิดฝุ่นด้วย เพราะปัญหาฝุ่นมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ สภาพอากาศปิดและลมไม่ถ่ายเท ฝุ่นจากยานพาหนะ และฝุ่นจากการเผาไหม้
ทั้งนี้ ในกรุงเทพฯ สิ่งที่ช่วยกันได้ดีที่สุด คือการลดการใช้รถยนต์ จึงเป็นเหตุผลที่ กทม.ประกาศขอความร่วมมือ Work from Home ในช่วงค่าฝุ่นเป็นสีแดงหลายพื้นที่เมื่อ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา รวมถึงแคมเปญ "รถคันนี้#ลดฝุ่น" ที่กทม. ทำร่วมกับเอกชนเชิญชวนให้ประชาชนเปลี่ยนไส้กรองและน้ำมันเครื่อง ช่วยลดฝุ่นจากภาคการจราจรอีกทาง
โดยความคืบหน้าโครงการ รถคันนี้#ลดฝุ่น (ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. 66-12 ก.พ. 67) มีจำนวนรถยนต์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองแล้ว 202,564 คัน ช่วยลด PM 2.5 จากภาคการจราจรได้แล้ว 10% ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายได้ตั้งเป้าหมายเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองรถยนต์ไว้ที่ 300,000 คัน ภายในเดือนก.พ.นี้ ซึ่งหากทำได้จะสามารถลด PM2.5 จากการจราจรได้ถึง 15%
"ได้เรียนนายกฯ ว่า มีหลายมาตรการที่กทม. ต้องร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ ที่จะออกมาต้องรอบคอบ ลดฝุ่นได้จริง และไม่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยไม่จำเป็น" ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว