นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ณ ด่านศุลกากรจังหวัดนครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) เพื่อติดตามสถานการณ์การส่งออก การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม (SEZ) ที่ราชพัสดุ ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมจากสนามบิน-มิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน) รวมทั้งรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุน ได้แก่ (1) ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) (2) การค้าปลอดการใช้กระดาษ (Paperless Trade) (3) ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Cross-Border Transport Agreement :CBTA) และ (4) ท่าเรือหวุงอ๋าง โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันพัฒนาจังหวัดนครพนมจากเมืองรองชั้นนำให้เป็นเมืองหลัก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาด่าน เขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น เรื่องงบประมาณไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งสำคัญพัฒนาแล้วต้องเกิดปริมาณการค้าขายที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันจะต้องทำให้เกิดการแข่งขันกันในระหว่างพื้นที่และจังหวัดต่างๆ ทั้งจังหวัดหนองคาย มุกดาหาร เป็นต้น ควบคู่ไปกับการลงทุน ส่วนโครงการหรือสัญญาใดที่ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริงในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม และทำให้จังหวัดสูญเสียโอกาสในการพัฒนาก็ควรพิจารณายกเลิก
สำหรับการลงทุนรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่ ศูนย์ขนถ่ายสินค้าต่างๆ เป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นต้องทำ แต่หากยังทำเรื่อง Single Window หรือ One Stop Service ไม่สำเร็จก็จะไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งหลังจากลงพื้นที่แล้วจะไปพูดคุยกับกระทรวงคมนาคม, สส.ในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเรื่องค่าเช่าของกรมธนารักษ์ด้วย
"รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาอย่างสูงสุด การขับเคลื่อน One Stop Service ให้เกิดขึ้นจริง รวมทั้งการให้ความสำคัญกับเรื่องสันติภาพก็เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น และเป็นกลไกสำคัญในการที่ประเทศชาติจะพัฒนาและเดินต่อไปข้างหน้าได้" นายเศรษฐา กล่าว