นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เดินหน้าผลักดันโครงการเลี้ยงโค 1 ล้านครอบครัวภายใต้แนวคิด "เลี้ยงโค แก้หนี้ แก้จน ยกระดับคุณภาพชีวิต เกษตรกรไทย" ผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งจะสร้างมูลค่าให้ระบบเศรษฐกิจ 2.5 แสนล้านบาท ช่วยเพิ่มจีดีพีได้ 1.4% และช่วยลดปริมาณคาร์บอนได้กว่าปีละ 1.7 ล้านกิโลกรัม และเตรียมเดินหน้าออกกฎหมายเก็บภาษีจากกีฬาสัตว์เพื่อนำมาใช้ประโยชน์
"การส่งเสริมเลี้ยงโคของกองทุนหมู่บ้านฯ จะเริ่มด้วยเงิน 5 หมื่นบาท ให้เกษตรกรกู้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เสริม เพราะจากโครงการเลี้ยงโคนำร่องที่จังหวัดสุโขทัย เริ่มต้นด้วยเงิน 5 หมื่นบาท ซื้อแม่พันธุ์ 2 ตัว ผ่านมา 4 ปี เกษตรกรมีโคเพิ่มเป็น 10 ตัวแล้ว ถ้าคิดเป็นมูลค่าโคตัวละ 25,000 บาท หากมี 10 ตัว จะมีมูลค่าถึง 250,000 บาท ถ้าส่งเสริมเลี้ยง 1 ล้านครอบครัวก็จะมีมูลค่าถึง 250,000 ล้านบาท" นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดการเสวนาสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเลี้ยงโค
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากการเลี้ยงโคพันธุ์ธรรมดาทั่วไปแล้ว ยังได้ส่งเสริมการพัฒนาเลี้ยงวัวที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น โคพันธุ์โกเบ พันธุ์บราห์มัน พันธุ์ทาจิมะ พันธุ์แองกัส รวมถึงต่อยอดเป็นการเลี้ยงโคกีฬา เพราะโคพันธุ์ธรรมดา มีราคา 2.5-5 หมื่นบาท แต่หากเป็นโคสายพันธุ์ดี จะมีราคาถึงตัวละ 2 แสนบาท
พร้อมมองว่า โครงการเลี้ยงโคทั่วประเทศ จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศ เพราะประชาชนในต่างจังหวัด มีเวลาว่างจากการทำไร่ทำนาวันละ 3-5 ชั่วโมง สามารถมาทำปศุสัตว์ได้
"เลี้ยงโค ที่โอกาสจะไม่ประสบความสำเร็จ แทบจะไม่มี ทำให้ประชาชนไม่เสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ แต่จะนำพลังงานนั้น มาทำให้เกิดเป็นเงิน และเป็นประโยชน์ต่อครอบครัว" รองนายกรัฐมนตรี ระบุ
ทั้งนี้ การส่งเสริมเลี้ยงโค มีโครงการของรัฐบาลรองรับที่จะขยายตลาดการส่งออกไปต่างประเทศด้วย โดยเป็นการทำควบคู่กันไป รวมถึงถ้ามีการส่งเสริมเลี้ยงโค 1 ล้านครอบครัว ผ่านไป 4 ปี มีการวิเคราะห์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.4% ซึ่งจะช่วยส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณตรวจเขตราชการจังหวัดละ 10 ล้านบาท ซึ่งนำมาช่วยอบรมการแก้ปัญหาความยากจน และส่งเสริมอาชีพ เพราะสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 13 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นหนี้ ดังนั้น จึงเน้นให้กองทุนหมู่บ้านฯ คิดโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค เพื่อให้สมาชิกมีรายได้เพียงพอในการใช้หนี้ได้
ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดปัญหาการปล่อยผงฝุ่นเขม่าดำ (Black Carbon) ได้ด้วย โดยโคจะกินฟางเป็นอาหารวันละประมาณ 1 ก้อน ก้อนละ 15 กิโลกรัม ซึ่งพื้นที่นาข้าว 1 ไร่ จะมีฟาง 650 กิโลกรัม หากเผาตอซังและฟางข้าว 1 กิโลกรัมจะสร้าง Black Carbon ประมาณ 0.06 กรัม เมื่อคำนวณพื้นที่ปลูกข้าว 44 ล้านไร่จะปลดปล่อย Black Carbon กว่า 29.15 ล้านตัน หรือ 29,150 ล้านกิโลกรัม/ปี หากเปลี่ยนจากการเผานำไปเลี้ยงวัว จะสามารถลดอัตราปลดปล่อย Black Carbon ได้กว่า 1,749 ตัน หรือ 1,749,000 กิโลกรัม/ปี
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จะส่งเสริมให้มีการออกใบเพ็ดดีกรีให้กับสัตว์เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยจะนำวิธีของประเทศออสเตรเลียมาปรับใช้ ซึ่งทำให้การเลี้ยงม้าแข่ง ตัวที่เป็นแชมป์มีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ หรือ 350 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้เตรียมร่างกฎหมายส่งเสริมปศุสัตว์ด้วย เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันถูกกฎหมาย ทั้งม้า-โค แต่ภาครัฐไม่ได้ภาษี ดังนั้นจึงมีแนวคิดจะออกกฎหมาย เพื่อให้เงินเหล่านั้นสามารถกลับมาเป็นประโยชน์กับประชาชน
"ทุกวันนี้ กีฬาสัตว์ถูกกฎหมาย แต่ภาครัฐไม่ได้ประโยชน์ ดังนั้นต้องนำกฎหมายเข้ามาสร้างภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเป็นการทำให้ครบวงจร ไม่อย่างนั้นคนต่างจังหวัดจะถูกทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้สนับสนุนให้เล่นการพนัน แต่สนับสนุนการเลี้ยงสัตว์ เพื่อสร้างรายได้" นายสมศักดิ์ กล่าว