นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ (2024 ASEAN-Australia Special Summit) เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2567
วัตถุประสงค์ในการร่วมการประชุมฯ ครั้งนี้ ได้แก่ 1. ในทางเศรษฐกิจ คือ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุน มุ่งมั่นดึงดูดให้ออสเตรเลียเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนในไทยมากขึ้น ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคและไทย รวมทั้งจะเป็นโอกาสให้นักลงทุนไทยลงทุนในออสเตรเลียเช่นกัน
ทั้งนี้ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของออสเตรเลีย ซึ่งกำลังผลักดันให้เอกชนออสเตรเลียลงทุนในอาเซียน ตามยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจตะวันออกเฉียงใต้ สู่ปี ค.ศ. 2040 (Invested: Southeast Asia Economic Strategy to 2040) อีกทั้งการเดินทางครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสประชาสัมพันธ์นโยบายและโครงการสำคัญของรัฐบาล เพื่อเชิญชวนการลงทุน โดยเฉพาะโครงการ Landbridge และการพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า
2. เป็นโอกาสผลักดันให้ออสเตรเลียร่วมมือกับอาเซียน ในการลดความขัดแย้งในภูมิภาคโดยสันติวิธี โดยให้ออสเตรเลีย ในฐานะประเทศสมาชิกหุ้นส่วนไตรภาคีด้านความมั่นคงระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา (Australia - the United Kingdom - the United States : AUKUS) และกลุ่มภาคี Quadrilateral Security Dialogue (Quad) มีบทบาทสร้างสรรค์ในการส่งเสริมการพัฒนาในภูมิภาค ซึ่งจะเอื้อต่อการส่งเสริมเสถียรภาพและ พัฒนาเศรษฐกิจ
3. ผลักดันความร่วมมือในกรอบอาเซียน-ออสเตรเลีย ให้ส่งผลประโยชน์ต่อไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการเข้าถึงเงินทุนรวม 225 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (5,288 ล้านบาท) ภายใต้โครงการ Australia for ASEAN (Aus4ASEAN) Initiatives โดยที่ผ่านมา ออสเตรเลียเน้นโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจดิจิทัล ทุนการศึกษา การเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรด้านวิชาการและอาชีวศึกษา นอกจากนี้ ออสเตรเลียได้ให้การสนับสนุนเงิน อุดหนุนแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนในประเด็นต่าง ๆ ในกรอบทวิภาคีด้วย อาทิ การค้ามนุษย์ การพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐาน และสาธารณสุข
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนายกรัฐมนตรีของไทยแล้ว ยังมีประมุข/หัวหน้ารัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียน (เมียนมาไม่เข้าร่วม) นายกรัฐมนตรี ออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต ในฐานะผู้สังเกตการณ์ และเลขาธิการอาเซียน ร่วมการประชุมด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการพบหารือกับบุคคลสำคัญ ทั้งระดับผู้นำประเทศต่างๆ และผู้บริหารบริษัทที่มีความสำคัญระดับโลก