"เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายของรัฐบาลในการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายและระดับพรีเมียม คือ การทำ "กิโยตินกฎหมาย" เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและตอบสนองความคาดหวังของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังมองหาประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับพรีเมียม อาทิ ปลดล็อคการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00 น. - 17.00 น. มาตรการโซนนิ่ง และมาตรการควบคุมการโฆษณา ในขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจคาดหวังว่าประเทศไทยจะมีนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สมดุลกับนโยบายอื่นของรัฐ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความรับผิดชอบ ซึ่งผู้บริโภคมีความตระหนักรู้ถึงผลกระทบจากการดื่มอย่างเป็นอันตราย (Harmful Use of Alcohol) และปรับเปลี่ยนทัศนคติสู่การดื่มอย่างรับผิดชอบ 'ดื่มอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่ดื่มมากขึ้น' (Drink Better, Not More) ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและอาหารโดยปี 2030 รัฐบาลไทยมุ่งมั่นในการส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศผ่านซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งอาหารและเครื่องดื่มเป็นส่วนสำคัญ ครั้งนี้ได้รับการยืนยันอีกครั้งโดยการกำหนดความสำคัญของหน่วยงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์
มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า "โซจูเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ซอฟต์พาวเวอร์ของเกาหลีและเชื่อว่าประเทศไทยสามารถทำเช่นเดียวกันกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ท้องถิ่นของเรา เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยแล้วรู้สึกไม่ประทับใจเมื่อพบว่าราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงหรือไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงบ่ายได้ ทำให้ภาพรวมของค็อกเทลในประเทศไทยมีราคาแพงกว่าในประเทศของพวกเขาอีก ข้อบังคับอีกข้อหนึ่งที่มีผลต่อโรงแรมคือการห้ามโฆษณาเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้เราไม่สามารถประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นที่เป็น Happy Hours ได้ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญของวิธีการสร้างรายได้ของกลุ่มโรงแรม"
รายงานการวิจัยโดย Oxford Economics ที่เปิดตัวในไทยชี้ว่า เครื่องดื่มไวน์และสุราต่างประเทศมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจอย่างมากในประเทศไทย โดยมีความต้องการไวน์และสุราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 198 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.9 พันล้านบาท) ใน GDP ปี 2022 โดยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (0.8 พันล้านบาท) จากปี 2021 ซึ่งเป็นที่สนับสนุนให้มีงานทำ 20,500 อัตราและสร้างรายได้จากภาษีเป็นจำนวนเงิน 292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (10.0 พันล้านบาท) ในปี 2022