สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เมื่อเวลา 08.00 น. พบ 12 จังหวัดของประเทศ มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน 172.2 ไมโครกรัม, เชียงใหม่ 132.3 ไมโครกรัม, ลำพูน 130.7 ไมโครกรัม, ลำปาง 94.8 ไมโครกรัม, ตาก 94.7 ไมโครกรัม, นครพนม 84.2 ไมโครกรัม, เชียงราย 83.3 ไมโครกรัม, แพร่ 83 ไมโครกรัม, น่าน 82.4 ไมโครกรัม, พะเยา 78.4 ไมโครกรัม, สุโขทัย 77.8 ไมโครกรัม และมุกดาหาร 75.6 ไมโครกรัม
ในขณะที่อีก 27 จังหวัดมีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช้าวันนี้ทั่วทุกเขตพื้นคุณภาพอากาศดีมาก
ขณะที่ วานนี้ (25 มี.ค.) ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 1,153 จุด ซึ่งข้อมูลจากดาวเทียมยังระบุอีกว่าจุดความร้อนที่พบส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 448 จุด ตามด้วยพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 431 จุด พื้นที่เกษตร 138 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 64 จุด พื้นที่เขต สปก. 62 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 10 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจุดความร้อนสูงสุด คือ แม่ฮ่องสอน 196 จุด รองลงมา ตาก 184 จุด และ เชียงใหม่ 174 จุด ตามลำดับ
ประเทศเพื่อนบ้านพบจุดความร้อนมากสุดอยู่ที่เมียนมา 2,750 จุด ตามด้วยลาว 1,950 จุด ไทย 1,153 จุด เวียดนาม 652 จุด กัมพูชา 406 จุด และมาเลเซีย 173 จุด
ทั้งนี้ แอปพลิเคชันเช็คฝุ่น ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่า หลายพื้นที่จะมีค่าคุณภาพอากาศที่ยังคงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโซนเภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ