นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่ติดตามวิเคราะห์หาสาเหตุ และการแก้ไขปัญหาการเดินรถ เนื่องจากเหตุแผ่นเหล็ก (finger plate) พร้อมทั้งชิ้นส่วนอุปกรณ์ยึดรางนำไฟฟ้าร่วงลงสู่พื้นด้านล่าง และส่งผลให้รางนำไฟฟ้า (conductor rail) ของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองหลุดร่วงด้านในค้างอยู่ด้านบนทางเดินยกระดับ (walkway) ระหว่างสถานีกลันตัน(YL12) ถึงสถานีศรีอุดม (YL16) เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 มี.ค.67 ที่ผ่านมา
โดยบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า ได้ปรับการบริการเดินรถไฟฟ้าแบบไม่เต็มรูปแบบ ดังนี้
- สถานีลาดพร้าว (YL01) - สถานีหัวหมาก (YL11) เดินรถปกติ และมีความถี่ในการเดินรถ 10 นาที/ขบวน และช่วงเวลาเร่งด่วน 5 นาที/ขบวน
- สถานีศรีเอี่ยม (YL17) - สถานีสำโรง (YL23) เดินรถปกติ และความถี่ในการเดินรถ 10 นาที/ขบวน
- สถานีหัวหมาก (YL11) - สถานีศรีเอี่ยม (YL17) ความถี่ในการเดินรถ 25 นาที/ขบวน
โดยผู้โดยสารเปลี่ยนถ่ายขบวนรถไฟฟ้าที่สถานีศรีเอี่ยม และสถานีหัวหมาก ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางช่วงสถานีหัวหมาก (YL11) - สถานีศรีเอี่ยม (YL17) ต้องรอขบวนรถนานกว่าปกติ
ทั้งนี้ ผู้โดยสารกรุณาเผื่อเวลาในการเดินทาง โดยผู้โดยสารสามารถติดตามเวลาขบวนรถไฟฟ้าที่สถานีต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น THE SKYTRAINS และหากมีการเปลี่ยนแปลง เรื่องเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง จะแจ้งให้ทราบต่อไป พร้อมทั้งปรับลดค่าโดยสาร 20% จนกว่าจะเดินรถได้ตามปกติ
นายพิเชฐ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ พบว่า น๊อตที่ยึดแผ่น (finger plate) บริเวณรอยต่อรองรับการขยายตัวเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ (expansion joint) ของคานทางวิ่ง (guideway beam) หลุดและขาดออกจากตำแหน่งที่ติดตั้ง ระหว่างสถานีสวนหลวง ร.9 (YL15) กับสถานีศรีอุดม (YL16) ฝั่งทิศทางมุ่งหน้าปลายทางสถานีสำโรง (YL23) ส่งผลให้แผ่นเหล็ก (finger plate) ดังกล่าวหล่นลงมาที่พื้นด้านล่าง จำนวน 1 ชิ้น
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางราง ได้เน้นย้ำให้ EBM ตรวจสอบสภาพการขันทอร์คของน๊อตที่ยึดแผ่นเหล็ก (finger plate) บริเวณ expansion joint ของคานทางวิ่ง (guideway beam) ทั้งหมด พร้อมทั้งพิจารณาเปลี่ยนน๊อตบริเวณดังกล่าวทั้งหมดตลอดเส้นทาง และพิจารณาติดตั้งอุปกรณ์ยึดรางนำไฟฟ้าให้มีความมั่นคงแข็งแรง และอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน พร้อมทั้งดำเนินการเคลื่อนย้ายรถไฟฟ้าที่ยังคงติดค้างระหว่างสถานีบนเส้นทาง และติดตั้งรางนำไฟฟ้าให้กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน และเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบบริเวณ expansion joint เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าต่อไป