คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า (รอง ผบ.ตร.) แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบครั้งแรกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทั้งพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกือบ 30 คน คณะกรรมการมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับศาล ซึ่งเชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีส่วนร่วมในการกระทำผิดจริง โดยเป็นการฟอกเงิน ที่พบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันออนไลน์มายังบัญชีม้าและเชื่อมโยงมายัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รู้และได้รับประโยชน์บางส่วนจากการกระทำดังกล่าว แต่ยังต้องตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก
พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุว่า การตรวจสอบของคณะกรรมการฯ มีผลออกมาก่อนที่ศาลจะออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หากข้อมูลฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้วก็จะทยอยส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา โดยไม่ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนฝั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เนื่องจากหากไม่ทันกำหนดภายใน 60 วันก็สามารถขยายระยะเวลาต่อไปได้ แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และฝ่ายที่กล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เข้ามาสอบถามเกือบ 30 ราย เช่น พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา
พร้อมทั้งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่งข้อมูลเอกสารที่เหลือทั้งหมดมาให้คณะกรรมการภายในวัน 20 เม.ย.นี้ และให้ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าให้ข้อมูลและส่งเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงภายในวันที่ 30 เม.ย.นี้
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณฺว่าการตรวจสอบฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วนั้น เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นเวลานานกว่า 7 เดือน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเอง ไม่ได้นำข้อมูลจากพนักงานสอบสวนมาอ้างอิง
พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ส่วนกระบวนการตรวจสอบฝั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นั้น ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ เวลา 10.30 น. จะเชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เข้าให้ข้อมูล หลังจากคณะทำงานได้เชิญมาหลายครั้ง แต่ทนายตั้มอ้างว่าติดภารกิจเดินสายร้องเรียน ซึ่งจะต้องสอบถามทนายตั้มเกี่ยวกับที่มาของเอกสารที่ได้นำไปร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยาที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน รวมทั้งที่มาของพยานบุคคล และเส้นทางการเงินอ้างว่ามีความเชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยา
"คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจในการตรวจสอบทั้งข้าราชการและบุคคลทั่วไปที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในชั้นศาลในอนาคต แต่หากภายหลังเกิดกรณีศาลมีคำพิพากษาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้กระทำความผิด ซึ่งขัดกับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการจะถือเป็นปัญหาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต เพราะแม้ว่าศาลจะชี้ว่าไม่ผิดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะไม่ผิด เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันตามพยานหลักฐาน หากอนาคต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะฟ้องกลับคณะกรรมการชุดนี้ก็ไม่กังวล และรู้สึกยินดี" พล.ต.อ.วินัย กล่าว