องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเปิดเผยว่า องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือหลายแห่งต่างเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าเลิกถ่วงเวลาในการยอมรับความช่วยเหลือฉุกเฉิน หลังจากที่แหล่งอู่ข้าวอู่น้ำของพม่าและพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายย่อยยับจากพายุไซโคลนนาร์กิสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดเผยว่า จากกรณีพายุไซโคลนนาร์กิสที่พัดถล่มพื้นที่ 5 รัฐซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงชาวพม่าได้ 47.8 ล้านชีวิตนั้นทำให้ทางยูเอ็นและรัฐบาลในประเทศอาเซียนต่างเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าออกวีซ่าอนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือและยอมเปิดทางให้เครื่องบินลำเลียงอาหารเข้ามาในประเทศได้
นอกจากนี้ พายุไซโคลนนาร์กิสที่เข้าถล่มพม่าเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมายังทำให้สามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดีทางตอนใต้ของพม่ามีปริมาณน้ำเอ่อล้นตลิ่งสูงถึง 12 ฟุต (3.5 เมตร) ขณะที่สหรัฐได้เรียกร้องให้พม่าเปิดทางให้สหรัฐเข้าประเทศและยอมรับเครื่องบินลำเลียงปัจจัยบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยประชาชนที่ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 1 ล้านคน ซึ่งขณะนี้ยังติดขัดในด้านการออกวีซ่าที่ล่าช้า
อย่างไรก็ตาม ด้านโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติกล่าวว่า เครื่องบิน 4 ลำที่บรรทุกอาหารมาในจำนวนที่เพียงพอสำหรับประชาชน 100,000 คนใน 1 สัปดาห์มีกำหนดลงจอดที่เมืองย่างกุ้ง ขณะที่รถบรรทุก 22 คันประจำการอยู่ตามแนวชายแดนประเทศไทย
ทั้งนี้ ในส่วนของยอดผู้เสียชีวิตนั้น ชารี วิลลาโรซา เจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตสหรัฐในกรุงย่างกุ้งกล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตชาวพม่าพุ่งขึ้นแตะ 100,000 ราย ขณะยังมีการพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของทางการพม่ารายงานว่าพม่ามียอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22,000 ราย ขณะที่มีผู้สูญหายอีก 40,000 ราย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--