พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เข้าร้องทกข์ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบในการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และส่งตัวตนกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตร. ก่อนที่รักษาการ ผบ.ตร.จะมีคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน
รวมถึงให้ขอให้ตรวจสอบว่าการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ทำคดีเว็บพนันออนไลน์มีอำนาจหน้าที่โดยชอบหรือไม่ และขอให้ตรวจสอบว่าหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนและพนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ออกมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของตัวเอง หลังจากถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมมา 6 เดือน จนถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงต้องออกมาใช้สิทธิต่อสู้อย่างถูกต้อง โดยยืนยันว่าไม่ได้กังวล เพราะเชื่อมั่นว่าอย่างไรก็จะได้กลับมาที่ สตช.แน่นอน
สิ่งสำคัญ คือ ต้องรู้ว่าอำนาจการสอบสวนเป็นของใคร หากสอบสวนโดยไม่มีอำนาจจะต้องติดคุก ซึ่งคดีนี้เริ่มต้นจากการดำเนินคดีกับลูกน้อง 8 คน ซึ่ง ป.ป.ช. ได้เรียกสำนวนคดีไปทำเอง ถือเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ส่วนตำรวจเป็นเสมือนผู้กล่าวหามีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานพื่อส่งให้ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน ดังนั้นในคดีของเว็บพนันมินนี่ และไม่ว่าจะมีกี่เว็บ เมื่อผู้ต้องหาเป็นคนเดียวกัน เส้นทางเงินเดียวกันคือเชื่อมโยงไปยัง พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ จะต้องถือเป็นคดีเดียวกัน จะแยกสำนวนไม่ได้
แมื่อ ป.ป.ช.เห็นว่า จะเกิดความเสียหาย จึงมีมติให้นำสำนวนกลับมาในวันที่ 2 ธ.ค.66 แต่ในวันรุ่งขึ้น ของวันที่ 3 ธ.ค. สน. เตาปูนกลับแยกสำนวนคดีและกล่าวหาว่าตนเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์อื่น ฐานความผิดฟอกเงิน เพราะไม่ต้องการส่งคดีให้ ป.ป.ช. โดยเก็บดองคดีไว้ 4 เดือนจนกระทั่งมีการออกหมายเรียกและออกหมายจับ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้หวังผลทางคดี แต่หวังแค่ไม่ต้องการให้ตนเองขึ้นเป็นผบ.ตร. เท่านั้น จึงทำหนังสือโต้แย้งว่าคดีอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ขอให้พนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. ไม่ใช่เพราะรู้จักใคร แต่เพื่อเป็นการสอบสวนโดยธรรมโดยชอบ
สำหรับการยื่นคัดค้าน นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันที่ตนเองตกเป็นผู้ต้องหา ขอไม่พูดถึง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนปล่อยเอกสารดังกล่าวออกมาทางโลกโซเชียล ขอยืนยันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นใครมาทางไหนก็ไปทั้งนั้น ไม่ได้ว่าใคร วันนี้เพียงแค่มาหาความยุติธรรมเท่านั้น
"โชคดีที่ผมเป็นคนใต้ เป็นนักสู้เต็มตัวถ้าเป็นคนอื่นก็คงหมอบไปแล้ว แต่ผมไม่ใช่" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถกลับมารับราชการอีกครั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะกลับไม่กลับอยู่ที่มีอำนาจที่ต้องพิจารณาว่าคำสั่งออกถูกต้องหรือไม่ วันนี้ต่อสู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะหากคนไม่สู้ก็คงเสียสิทธิไปตลอดชีวิต ถ้าผิดจริงก็ยอมคงไม่สู้ แต่นี่เป็นการสอบสวนโดยไม่เป็นธรรม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สื่อยังเห็นเลยว่าเป็นการรุมกินโต๊ะ เป็นเพราะความตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง ผู้บังคับบัญชาต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ไปเอากับเขาด้วย จะดำเนินการกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะมีคนต้องติดคุกหรือไม่ ขอให้รอติดตาม หลังจากนี้ก็จะออกมาเปิดเผยเรื่องการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในอีก 2-3 วัน
ก่อนทิ้งท้ายว่าตอนนี้ยังไม่คิดลงเล่นการเมืองหากไม่สามารถกลับมารับราชการได้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะขอให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องมาให้ประธานสภาฯ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการป.ป.ช. ว่า ยังไม่ได้มีการส่งเรื่องมา แต่ความจริงการตรวจสอบกรรมการป.ป.ช. ไม่ต้องส่งมาที่สภาฯ หากต้องการตรวจสอบก็ส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาทางการเมืองได้เลย ซึ่งทางศาลฯ จะตั้งกรรมการชุดพิเศษเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ในคำร้องเป็นเบื้องต้นก่อนว่าจะรับดำเนินการได้หรือไม่ หากมีข้อมูลเพียงพอก็ไต่สวนและดำเนินการต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่อาจจะเกิดขึ้นคราวนี้ก็ได้ เพราะกฎหมายนี้เพิ่งใช้ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งจะมีการตรวจสอบทุกองค์กร โดยจะมีการบอกว่าองค์กรไหนตรวจสอบอย่างไร เนื่องจากป.ป.ช. เป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบคนอื่น ฉะนั้น ถ้าป.ป.ช. ถูกตรวจสอบ จึงไม่ให้ร้องไปที่ป.ป.ช. แต่ให้ร้องไปที่ศาลฎีกาได้