สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เมื่อเวลา 08.00 น. พบ 21 จังหวัด มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ คือ เชียงราย 213.2 ไมโครกรัม, พะเยา 147.3 ไมโครกรัม, น่าน 138.4 ไมโครกรัม, เชียงใหม่ 134.7 ไมโครกรัม, ลำพูน 126.8 ไมโครกรัม, อุบลราชธานี 126.6 ไมโครกรัม, ลำปาง 123.3 ไมโครกรัม, อำนาจเจริญ 116 ไมโครกรัม, นครพนม 112.7 ไมโครกรัม, แพร่ 108.1 ไมโครกรัม, มุกดาหาร 105.4 ไมโครกรัม, แม่ฮ่องสอน 103.7 ไมโครกรัม, อุตรดิตถ์ 89.9 ไมโครกรัม, ศรีสะเกษ 89.8 ไมโครกรัม, สกลนคร 89.5 ไมโครกรัม, บึงกาฬ 86.5 ไมโครกรัม, สุโขทัย 86.3 ไมโครกรัม, ยโสธร 85.6 ไมโครกรัม, ตาก 81.3 ไมโครกรัม, เลย 80.2 ไมโครกรัม และกาฬสินธุ์ 78.1 ไมโครกรัม
ส่วนอีก 24 จังหวัด พบคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค
สำหรับคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่จะมีค่าคุณภาพอากาศที่ยังคงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโซนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
ด้านเว็บไซต์ IQAir จัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด เมื่อเวลา 09.33 น. พบว่า จังหวัดเชียงใหม่ อยู่อันดับ 4 โดยค่า AQI วัดได้ 168 หรืออยู่ในระดับสีแดง ซึ่งมีผลกระทบต่อทุกคน ขณะที่กรุงเทพมหานคร อยู่อันดับ 6 โดยค่า AQI วัดได้ 147 หรือระดับสีส้ม ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ป่วย หรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ