นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่จากอิทธิพลของพายุฤดูร้อน โดยคาดว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน พ.ค. แต่ในช่วง 3 เดือนแรกของฤดูฝน คือตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค.67 จะยังมีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 5% ก่อนจะค่อยๆ มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มที่อาจจะเกิดพายุฤดูฝน ซึ่งจะช่วยเติมปริมาณน้ำต้นทุนให้แก่อ่างเก็บน้ำต่างๆ ได้ โดยเฉพาะอ่างฯ ที่มีปริมาณน้ำน้อย เช่น เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนเพชรบุรี เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนปรานบุรี เป็นต้น โดยปัจจุบันอ่างฯ แต่ละแห่งมีการวางแผนการใช้น้ำอย่างรอบคอบและมีการติดตามการบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด
ซึ่งอิทธิพลจากพายุฤดูร้อนที่ทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นช่วยให้สถานการณ์ขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่คลี่คลายลง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออกและฝั่งอันดามันบางส่วน เช่น การขาดแคลนน้ำดิบผลิตประปาของการประปาส่วนภูมิภาค สาขากระบี่ จ.กระบี่ ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำท่าไหลลงคลองกระบี่ใหญ่เพิ่มเติม ทำให้สามารถบริการจ่ายน้ำประปาได้อย่างเพียงพอมากขึ้น รวมถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ตามประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ที่ขณะนี้มีสถานการณ์ดีขึ้น
สำหรับพื้นที่ที่มีความห่วงกังวลเรื่องสถานการณ์ขาดแคลนน้ำในขณะนี้คือ จ.ชุมพร เนื่องจากมีการใช้น้ำในการทำสวนทุเรียนค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ กรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) เพิ่มเติมในพื้นที่ จ.ชุมพร จำนวน 8 อำเภอ 38 ตำบล 266 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.พะโต๊ะ อ.ทุ่งตะโก อ.ละแม อ.สวี อ.หลังสวน อ.ปะทิว อ.ท่าแซะ อ.เมืองชุมพร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบางพื้นที่มีฝนตกค่อนข้างหนักส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วม เช่น อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นเขตที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เกิดปัญหาปิดกั้นทางน้ำ ไม่สามารถระบายน้ำได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ โดย สทนช.ได้ติดตามสาเหตุของปัญหาและหาแนวทางแก้ไขโดยเร็ว
ในการเฝ้าระวังน้ำทะลหนุนสูงและน้ำเค็มรุกล้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง ช่วงวันที่ 5-15 พ.ค.67 ได้มีการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์เพื่อรักษาคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยการผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองมายังแม่น้ำท่าจีน และจากแม่น้ำท่าจีนผันเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยเป็นการบริหารจัดการน้ำร่วมกันผ่านระบบคลองต่างๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ และในบางช่วงเวลาที่บริเวณคลองสำแล ซึ่งเป็นจุดสูบน้ำสำหรับผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง (กปน.) มีค่าความเค็มสูง ได้มีการประสานไปยัง กปน.ให้หยุดสูบน้ำในช่วงเวลาดังกล่าว