นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มีนโยบายให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน เด็กและเยาวชนไทยหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งผู้ผลิต ยังมีการดัดแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของบุหรี่ไฟฟ้าให้มีความน่าสนใจ ดึงดูดใจให้บริโภค รวมถึงผสมยาเสพติดประเภทอื่นเข้าไปในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จนทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพ
โดยนายกรัฐมนตรี สั่งการให้เร่งดำเนินการปราบปราม จับกุม ผู้ลักลอบนำเข้า และผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบ อย่างจริงจัง โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิด ซึ่งนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร ตรวจเข้มกับสินค้าทุกประเภทที่อาจมีการซุกซ่อนบุหรี่ หรือบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งทางตู้สินค้า และพัสดุไปรษณีย์ รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสืบสวนหาข่าวการลักลอบการกระทำความผิดอีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.67 สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ได้รับแจ้งจากการข่าวว่าจะมีการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าจากประเทศจีน เจ้าหน้าที่จึงได้เอ็กซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าต้องสงสัย ซึ่งมีการสำแดงชนิดสินค้าในใบขนสินค้าเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ด จากภาพการเอ็กซเรย์พบว่ามีความผิดปกติของรูปร่างสินค้า จึงได้ทำการเปิดตรวจตู้สินค้า และผลการตรวจสอบพบเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (หัวพอร์ต) จำนวนมากถึง 649,430 ชิ้น มูลค่ากว่า 96.89 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ได้จับกุมบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมน้ำยา ที่นำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งไม่ได้มีการสำแดงไว้ในใบขนสินค้าฯ จำนวน 48,600 ชิ้น มูลค่า 5.83 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือนพ.ค.67 (1-29 พ.ค.) กรมศุลกากร สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 27 ราย ปริมาณ 726,499 ชิ้น มูลค่า 107.13 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 8 เดือน ของปีงบ 67 (1 ต.ค.66 - 29 พ.ค.67) กรมศุลกากร จับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 228 ราย ปริมาณ 1.02 ล้านชิ้น มูลค่า 147.10 ล้านบาท และบุหรี่ จำนวน 1,268 ราย ปริมาณ 20.29 ล้านมวน มูลค่า 122.74 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 1,496 ราย ปริมาณ 21.32 ล้านชิ้น มูลค่า 269.84 ล้านบาท