นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานแถลงวิสัยทัศน์ "เตรียมทัพกำลังคน สร้างอุตสาหกรรมอนาคต" IGNITE THAILAND : Future Workforce for Future Industry โดยมี น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงแนวทางการสร้างกำลังคนรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อนำเสนอแผนผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ด้วยแรงงานที่มีทักษะสูง (High-Skilled Workforce) มุ่งเป้ายกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล
นายอนุทิน กล่าวว่า IGNITE THAILAND ครั้งนี้ คือ ด้านการสร้างคน การสร้างการศึกษา และสร้างอาชีพให้กับเยาวชนของชาติ เพื่อเตรียมทัพกำลังคนสร้างอุตสาหกรรมอนาคต IGNITE THAILAND: FUTURE Workforce for Future Industry ซึ่งวันนี้ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้นำเสนอแนวทางการเตรียมกำลังคนสร้างอุตสาหกรรมอนาคตได้อย่างชัดเจนและสมบูรณ์ ครอบคลุมทุกด้าน
"มั่นใจว่าภายในรัฐบาลนี้ เราจะสามารถที่จะฟื้นฟูสิ่งที่ขาดตกบกพร่องไป ให้กลับมาสู่สภาพที่มีประสิทธิภาพ โดยเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาและปรับปรุงไปพร้อมกัน ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาคราชการ เอกชน และภาคประชาชน" นายอนุทิน กล่าว
พร้อมเชื่อมั่นว่าเด็กและเยาวชนไทย มีศักยภาพเช่นเดียวกับเด็กและเยาวชนต่างประเทศ ทางด้านปฏิภาณไหวพริบ หลักสูตรการศึกษาต่าง ๆ โดยขณะนี้ ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยถึง 175 แห่ง ที่สามารถรองรับเด็กและเยาวชนของประเทศไทยได้ โดยกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ มีความพร้อมที่จะสนับสนุนในการบ่มเพาะเยาวชนต่าง ๆ เหล่านี้ของไทยให้มีทักษะ ความรู้ ความสามารถเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศได้
อีกทั้งรัฐบาลได้มีการดูแลเด็กและเยาวชนนักศึกษา สำหรับกองทุน กยศ. โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชน ได้รับการศึกษาสูงสุดเท่าที่จะสามารถไปถึงได้ โดยขณะนี้ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยของ กยศ.เหลือ 1% และมั่นใจว่า หากทุกอย่างพร้อม รัฐบาลนี้ก็พร้อมที่จะทำให้เยาวชนมีโอกาสได้เรียนหนังสือ โดยต้องไม่มีดอกเบี้ย
"จะนำเสนอเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นเพียงเงินยืมเพื่อการศึกษา ไม่ให้เป็นเงินกู้เพื่อการศึกษา เพื่อไม่ให้พ่อแม่ผู้ปกครองกังวลว่าเมื่อส่งลูกไปเรียนแล้ว จะมีปัญหาในเรื่องการชำระหนี้ หรือถูกฟ้องร้องบังคับคดีต่าง ๆ" นายอนุทิน ระบุ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พวกเราทุกคนจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันในการพัฒนาทักษะของคน Upskill และ Reskill รวมถึงพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่จะเป็นเครื่องมือในการทำให้เยาวชนของชาติได้มีทักษะอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้อุตสาหกรรมของประเทศไทยมีคนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ ตามนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในด้านต่าง ๆ เช่น Data Center ซึ่งนักลงทุนมีความสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะสามารถสร้างงานและโอกาสให้กับคนในประเทศไทยอีกจำนวนมาก และเป็นการเชื่อมต่อการพัฒนาประเทศในทุกด้าน
การขับเคลื่อนนโยบาย IGNITE THAILAND ของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะมีการร่วมมือในการการพัฒนากำลังคน และโครงการต่าง ๆ ในการเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เยาวชนของชาติมีทักษะอย่างเต็มที่ และส่งผลให้อุตสาหกรรมของประเทศไทยมีการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ เพื่อตอบโจทย์ในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า
ด้าน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. กล่าวว่า แนวทางการเตรียมทัพกำลังคน สร้างอุตสาหกรรมอนาคต IGNITE THAILAND: Future Workforce for Future Industry ตามนโยบาย IGNITE THAILAND ของรัฐบาล เพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ผ่าน 8 วิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ของนายกรัฐมนตรีนั้น ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง คือ ความพร้อมของกำลังคนในประเทศ ที่จะรองรับอุตสาหกรรมเหล่านี้
ดังนั้น อว. ซึ่งเป็นกระทรวงที่รับผิดชอบในการผลิตกำลังคนทักษะสูง ได้ย้ำถึงความพร้อมที่จะผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพให้เพียงพอต่อการเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมทั้ง 8 ด้านใน IGNITE THAILAND
กระทรวงฯ มีนโยบายที่เป็นเรือธงในการผลิต High-Skilled Workforce เพื่อรองรับอุตสาหกรรม High Technology ได้แก่ กำลังคนด้าน Semiconductor & Advanced Electronics, EV และ AI โดยจะสร้างและพัฒนากำลังคนทุกระดับ ตั้งแต่การพัฒนากำลังคนที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม นักวิจัย รวมถึงการผลิตบัณฑิตในระดับ ปริญญาตรี โท เอก
โดยภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า ได้ตั้งเป้าสำหรับ Semiconductor & Advanced Electronics ไว้ที่ 80,000 คน EV 150,000 คน (ICE มี 600,000 คน) และ AI 50,000 คน ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการผลิตกำลังคนรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตไปแล้ว 6 โครงการ ซึ่งมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ โดยมี 3 โครงการที่เป็น Quick Win เห็นผลในระยะสั้น ได้แก่
1.การพัฒนาและเพิ่มทักษะ (Upskill/Reskill) เช่น โครงการ STEM PLUS หลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น สำหรับกำลังคนที่อยู่ในอุตสาหกรรม โดยมีแรงจูงใจให้บริษัทเอกชนที่ส่งบุคลากรมาเรียน สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมไปลดหย่อนภาษีได้ 250% ปัจจุบันมีหลักสูตรด้านอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 150 หลักสูตร ด้าน EV 124 หลักสูตร ด้าน AI 313 หลักสูตร ตั้งเป้าผลิตกำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 12,500 คนต่อปี ด้าน EV 24,000 คนต่อปี ด้าน AI 8,000 คนต่อปี
2.โครงการ Coop+ หรือ สหกิจศึกษาพลัส ที่นำนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์มาพัฒนาทักษะเพิ่มเติมและฝึกงานกับภาคอุตสาหกรรม หลังจบการศึกษาแล้วยังสามารถทำงานกับบริษัทได้ทันที โดยตั้งเป้าผลิตกำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์ 1,500 คนต่อปี เริ่มนำร่องไปแล้วกับ 8 บริษัทชั้นนำ ขณะที่ด้าน EV และ AI ก็จะใช้รูปแบบเดียวกัน โดยตั้งเป้าด้าน EV 500 คนต่อปี ด้าน AI 500 คนต่อปี
3.โครงการสหกิจศึกษาในต่างประเทศ โดยการส่งนักศึกษาไปฝึกงานในมหาวิทยาลัยหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ 3 ด้านนี้ในต่างประเทศ
ขณะที่โครงการที่ 4-6 เป็นแผนระยะกลางและยาว ที่จะเห็นผลภายใน 2-4 ปี
4. โครงการจัดทำหลักสูตร Sandbox เซมิคอนดักเตอร์ ทั้งระดับปริญญาตรีและโท โดย 15 มหาวิทยาลัย คาดว่าจะผลิตกำลังคนได้ 1,300 คนต่อปี ด้าน EV จะเปิดสอนได้ในปีหน้า และด้าน AI ได้เปิดสอนแล้ว 2 หลักสูตรใน 6 มหาวิทยาลัยที่ตั้งเป้าผลิตกำลังคนให้ได้ 1,000 คนต่อปี
5. โครงการจัดทำหลักสูตรเซมิคอนดักเตอร์ EV และ AI ร่วมกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ ระดับปริญญาตรีและโท เป็นหลักสูตร International Program ตั้งเป้าผลิตกำลังคนไม่น้อยกว่า 200 คนต่อปี
6. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก ล่าสุดได้ร่วมมือกับอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน สหราชอาณาจักร ในการส่งนักเรียนทุนไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกด้านเซมิคอนดักเตอร์ และจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันในด้าน EV และด้าน AI พร้อมให้ความมั่นใจ อว. มีแผนงานชัดเจนในการผลิตบัณฑิต และ High-Skilled Workforce ในอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ และจำนวนเพียงพอต่อการลงทุนอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ของรัฐบาล