ก้าวไกล ห่วง กยศ.ตัดเงินกู้ยืมหลังขาดสภาพคล่อง หวั่นเยาวชนพลาดโอกาสการศึกษา

ข่าวทั่วไป Thursday June 20, 2024 13:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยเปิดเผยข้อมูลจากกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ที่รายงานข้อมูลพบว่า มีเด็กไทยหลุดออกจากระบบการศึกษา ถึง 1.02 ล้านคน สาเหตุหลักมาจากความยากจน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเด็กยากจนอีกล้านคน ที่ยังไม่ได้เงินอุดหนุนใด ๆ และมีเด็กกลุ่มยากจนรุนแรงที่สุด ที่ได้เรียนต่อระดับอุดมศึกษาเพียง 12.46% เท่านั้น สาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปัจจุบันที่สูงมาก

นายปารมี กล่าวว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กำลังขาดสภาพคล่อง และมีการขอรับการจัดสรรงบประมาณครั้งแรกในหลาย 10 ปี โดยปีนี้มีการเสนอคำของบประมาณปี 67 มา 1.9 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลจัดสรรงบให้ 800 ล้านบาท และในงบประมาณปี 68 มีการเสนอคำของบประมาณมา 5,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลกลับไม่จัดสรรงบประมาณให้

"รัฐบาลเพิกเฉยต่อสภาพคล่องของ กยศ. และไม่จัดสรรให้อย่างเพียงพอ กยศ.อาจจำเป็นต้องตัดเงินกู้ยืมที่จะให้กับเด็กในปีการศึกษานี้ และถ้าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข อาจต้องมีการตัดเงินของเด็กที่เข้าโครงการไปแล้ว และอาจไม่ได้เรียนต่อ และต้องหยุดเรียนกลางคัน ทั้งในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และอุดมศึกษา" นายปารมี กล่าว

พร้อมอภิปรายต่อว่า ขณะนี้ในระบบการศึกษายังมีปัญหาขาดแคลนครูในชนบท เนื่องจากครูในชนบทต้องรับภาระงานจำนวนมาก ตั้งแต่ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนถึงภารโรง แต่ได้เงินเดือนเท่ากับครูในเมือง ดังนั้นจึงทำให้ครูชนบทขอย้ายเข้ามาในเมือง และทำให้พบปัญหาการทุจริต

"หากครูคนไหนต้องการย้ายไปโรงเรียนขนาดใหญ่ในเมือง ก็ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ กิโลเมตรละ 1 แสนบาท โดยเป็นการวัดระยะทางจากโรงเรียนเก่า ไปโรงเรียนใหม่" นายปารมี ระบุ

โดยได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาด้านการศึกษา ประกอบด้วย 1.ต้องช่วยเหลือเด็กที่หลุดออกนอกระบบอย่างเร่งด่วน 2.การศึกษาขั้นพื้นฐานต้องฟรีจริง 3.เพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจครูให้สอนโรงเรียนขนาดเล็ก 4.ปฏิรูปหลักสูตร และสร้างการศึกษาไร้รอยต่อ 5.อุดหนุนค่าใช้จ่ายในการเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS และ 6.จัดสรรงบประมาณให้ กยศ. อย่างเพียงพอ

*รัฐบาล ยันมีกลไกรองรับ หากงบฯ ไม่พอ-เล็งเพิ่มจูงใจคืนเงิน กยศ.

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงเรื่องการบริหารจัดการของ กยศ. ว่า จากการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณแล้ว ยังสามารถบริหารจัดการกองทุนกยศ.ได้ ภายใต้เงินของกองทุนที่มีอยู่ภายใต้งบประมาณ 800 ล้านบาท แต่หากงบไม่พอ จะมีกลไกอื่น ๆ รองรับ คือ งบกลาง

นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า จะไม่มีนักเรียนหลุดจากระบบการศึกษาที่เกิดจากการไม่สามารถกู้ยืมจากกยศ.ได้ โดยยังตั้งเป้ามีนักเรียน นักศึกษากู้ยืม 6.2 แสนราย แบ่งเป็น กลุ่มกู้ยืมเก่า 75% และกลุ่มใหม่ 25% และยังมีประเด็นที่ต้องบริหารจัดการคือ การคืนเงินให้กับผู้กู้ยืมเงิน คิดเป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากกฎหมายที่แก้ไขเรื่องเบี้ยปรับที่ลดลง จาก 18% เหลือ 0.5% ทำให้ต้องคำนวณเงินชำระคืนใหม่ แต่ทั้งนี้ ยังอยู่ในกรอบที่สามารถบริหารจัดการได้

"กยศ. กลายเป็นเป้าสุดท้ายที่ผู้กู้จะคืนเงิน เพราะไม่โดนฟ้อง ไม่มีค้ำประกัน และดอกเบี้ยถูกสุด ทำให้เกิดปัญหาตามมา คือ การบริหารจัดการ แต่ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดปรับแก้กฎหมาย เพราะมีการปรับแก้กฏหมายมาจากสมัยสภาที่แล้ว จึงต้องรับโจทย์มาบริหาร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้กู้" รมช.คลัง กล่าว

พร้อมระบุว่า ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปให้หาวิธีจูงใจให้ผู้กู้นำเงินมาชำระคืน กยศ. โดยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับธนาคารของรัฐ เช่น ถ้าชำระดีกับกยศ. ถือเป็นลูกค้าที่สามารถได้สิทธิกู้เงินสถาบันการเงินอื่น และมีโอกาสได้รับเงินกู้ที่มากขึ้นและง่ายขึ้น ดอกเบี้ยที่ผ่อนปรนลง เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ