กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดคำแนะนำศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) เป็นแนวทางการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้ออกคำแนะนำแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ปี 67-68 ซึ่งเป็นคำแนะนำสำหรับประชาชนในสหรัฐอเมริกา ดังนี้
1. แนะนำให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ควรรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อลดความรุนแรงของอาการจากภาวะแทรกซ้อน
2. การให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แนะนำให้กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยในปี 67-68 ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ คือ H1N1 H3N2 และ B/Victoria
โดยทั้ง 2 วัคซีนสามารถฉีดได้ในครั้งเดียวกัน และมีความปลอดภัยช่วยลดความรุนแรงของอาการจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ รวมถึงการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิต
ทั้งนี้ ในปี 66 ข้อมูลจาก CDC พบว่า สหรัฐฯ มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่า 916,300 ราย และมีผู้เสียชีวิต มากกว่า 75,500 ราย ขณะที่ในปีเดียวกันนั้น ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 28,503 ราย และมีผู้เสียชีวิต 702 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สาเหตุหลักจากลูกหลานพาเชื้อไปติดผู้สูงอายุที่บ้าน
นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แนะนำประชาชนที่มีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หรือสงสัยป่วยไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด-19 ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แยกตัว ไม่ใกล้ชิดกับผู้อื่นและรีบพบแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 เนื่องจากหากกลุ่มดังกล่าวติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้
สำหรับประเทศไทย มีคำแนะนำการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์การระบาดทุกปี เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนได้ โดยประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ได้ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้แก่
1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี)
2. เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี
3. ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
4. ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
5. ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
6. โรคอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
7. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
กรมควบคุมโรค ระบุว่า สำหรับวัคซีนโควิด-19 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสิทธิของ สปสช. เนื่องจากในช่วงแรกวัคซีนโควิด-19 ใช้ในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรคจึงเป็นผู้จัดหา แต่ขณะนี้ได้ปรับเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว จึงต้องให้ สปสช. พิจารณาความคุ้มค่า และจัดหาเข้าสู่สิทธิประโยชน์ต่อไป