พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมชาวเวียดนาม 6 ศพ ในโรงแรมหรูกลางกรุงว่า สาเหตุการเสียชีวิต มาจากสารพิษไซยาไนด์ที่พบในถ้วยชาภายในห้องพัก โดยผู้ที่ลงมือวางยาพิษ คือ Ms. SHERINE CHONG หญิงชาวเวียดนาม สัญชาติอเมริกา อายุ 55 ปี เพราะไม่พบหลักฐานว่ามีผู้อื่นเข้า-ออกห้องพัก ยกเว้นบุคคลทั้ง 6 และคาดว่าเหตุผลที่ลงมือมาจากปมปัญหาธุรกิจชักชวนลงทุนสร้างโรงพยาบาลในญี่ปุ่น แต่เกิดความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
โดยผู้ต้องสงสัย มีการชักชวนผู้ตายคนอื่น ๆ ร่วมลงทุนทำธุรกิจ เป็นเงินนับ 10 ล้านบาท แต่มีปัญหาเรื่องการเงินจนเป็นคดีฟ้องร้องกันหลายคดี ซึ่งความจริงจะนัดเจราจาไกล่เกลี่ยหนี้ที่ญี่ปุ่น แต่ติดปัญหาวีซ่า จึงเปลี่ยนมานัดเจรจากันที่ประเทศไทย
"จากผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นพบถ้วยชามีสารไซยาไนด์...ยืนยัน 1 ใน 6 เป็นผู้ก่อเหตุ เคสนี้เป็นเหตุส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมใด ๆ" รอง ผบช.น. กล่าว
โดยในการไล่เรียงไทม์ไลน์ ตั้งแต่การเดินทางเข้าประเทศไทย ยืนยันว่า ผู้ตายทั้ง 6 คน ได้เข้ามาที่ห้องพักของโรงแรมดังกล่าว โดยไม่มีบุคคลอื่นเข้าไปในห้อง ส่วนคนที่ 7 ที่มีการ Booking มานั้น มีการเดินทางเข้ามาจริง แต่ได้เดินทางกลับไปก่อนหน้านี้แล้ว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช. สพฐ. กล่าวว่า นอกจากพบสารไซยาไนด์ในกาน้ำชา และแก้วชาทั้ง 6 ใบแล้ว ยังพบผลตรวจเลือดของผู้ตายมีสารไซยาไนด์ด้วย ส่วนการตรวจในเชิงปริมาณ การวิเคราะห์ จะทยอยออกมาในช่วงเที่ยงวันนี้
"สำหรับการออกฤทธิ์ของสารไซยาไนด์ เมื่อถูกผสมน้ำ จะไม่มีรสชาติ และไม่มีกลิ่น ผู้ดื่มไม่สามารถรู้ได้ และเมื่อดื่มสารไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เม็ดเลือดไม่แลกเปลี่ยนออกซิเจน โดยออกฤทธิ์ไม่ถึง 5 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณ และเมื่อเสียชีวิตตามร่างกายผิวจะออกสีชมพู ลมหายใจจะมีกลิ่นอัลมอนด์" ผบช.สพฐ. กล่าว