นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คุยกับเศรษฐา" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ว่า ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลได้จัดทำกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกว่า 600 โครงการ โดยคัดเลือกเหลือ 10 โครงการ ภายใต้หมวดหมู่ป่า น้ำ คน ที่สะท้อนถึงการน้อมนำแนวพระราชดำริ และพระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้อยู่ดีมีสุข ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
โดยโครงการเฉลิมพระเกียรติในหมวดหมู่ป่า คือการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านการจัดสร้างพื้นที่สีเขียว ตลอดจนคืนสภาพของระบบนิเวศให้กับผืนป่าทั่วประเทศด้วยการปลูกป่า, ในหมวดหมู่น้ำ คือ การสร้างความมั่นคงทางด้านทรัพยากรน้ำมาให้กับประชาชนทั่วประเทศเพื่อให้มีเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกันได้พัฒนาแหล่งน้ำ ลำน้ำ คูคลองต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และในหมวดหมู่คน เป็นโครงการที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ให้เข้าถึงการบริการทางสาธารณสุขที่มีคุณภาพน้ำสะอาดในโรงเรียน ลดความเหลื่อมล้ำให้กับผู้พิการ ให้ประชาชนเข้าถึงที่ดินเพื่อการทำกินหรือที่อยู่อาศัย ตลอดจนการปลูกจิตสำนึกของพลังจิตอาสา ทั้งนี้ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนให้โครงการทุกโครงการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันแสดงออกความจงรักภักดี และความสามัคคีของปวงชนชาวไทย
"ในโอกาสที่เป็นปีมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะน้อมนำโครงการพระราชดำริต่าง ๆ เกี่ยวกับป่า น้ำ คน มาบรรจุเข้าไปในโครงการ โดยรัฐบาลร่วมกับภาคเอกชนได้คัดเลือกจาก 600 โครงการ มาเป็น 10 โครงการหลัก แต่อีก 500 กว่าโครงการก็ทำอยู่" นายเศรษฐา กล่าว
โครงการฯ ที่จะดำแนินการ ได้แก่ โครงการยกระดับสวนสาธารณะบึงหนองบอนและ Pocket Park 72 แห่ง โดยพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นศูนย์สุขภาพ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ แต่ในบางพื้นที่ 72 พาร์ค อาจจะเป็นแค่พื้นที่ไร่เดียวหรือแค่ 2 งาน อยู่ตามพื้นที่ที่มีความแออัดสูง เป็นที่ผ่อนคลายได้ มีพื้นที่ออกกำลังกาย มีสวนสาธารณะเล็ก ๆ หรือมีสนามกีฬาเล็ก ๆ เพื่อให้เด็กและเยาวชนหรือประชาชนทั่วไปได้มีการมาออกกำลังกายได้, โครงการ 72 ล้านต้นพลิกฟื้นผืนป่า เพื่อรักษาสภาพแวดล้อม โดยมีการแจกต้นกล้าให้แต่ละหน่วยงานต่าง ๆ นำไปปลูกในทุกจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งพยายามแก้ไขการตัดไม้ลำลายป่าด้วยการปลูกต้นไม้ทดแทนทำให้ระบบนิเวศสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรักษาหน้าดิน หรือเป็นการทำให้เกิดฝนโดยธรรมชาติ พร้อมไปกับการดูแลเรื่องที่ดินทำกิน
"ปัญหาเกี่ยวกับน้ำของประเทศไทยมีหลายมิติ เรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง รัฐบาลไม่ได้มุ่งแค่การสร้างสาธารณูปโภคใหญ่ ๆ เช่น สนามบิน หรือ แลนด์บริดจ์ หากไม่ทำประชาชนหลายสิบล้านคนจะเป็นอย่างไร โครงการแรกที่ทำคือเรื่องของน้ำบาดาล ซึ่งไม่ใช่แค่การขุดเจาะอย่างเดียว เรื่องของสายส่งก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยยังขาดงบประมาณเพียงบางส่วน" นายเศรษฐา กล่าว
โครงการพัฒนา แก้ไข ปรับปรุงสายน้ำ 72 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาคลองเปรมประชากรที่มาจากทิศเหนือของกรุงเทพฯ มีการลอกคลอง เก็บขยะ การพัฒนาและจัดที่อยู่อาศัยให้เป็นสัดเป็นส่วน ทำให้มีที่เดินได้ การพัฒนาคลองโอ่งอ่างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีสมกับเป็นเวนิสตะวันออก โดยหัวใจสำคัญของการจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำคือต้องเป็นความเข้าใจของประชาชน เพราะทุกคนเป็นเจ้าของพื้นที่ตรงนั้นเหมือนกัน ต้องทำความเข้าใจกับเรื่องวิถีชีวิตในการดำรงชีพ เช่น การทิ้งขยะ ระยะหลังคูคลองมีขยะน้อยลงไป เพราะจัดเก็บที่ดีขึ้น มีเทคโนโลยีมาช่วย คูคลองมีกลิ่นเหม็นมากถ้าจะไปลอกดินขึ้นมาตลิ่งก็จะทรุด แต่ใช้เครื่องจากบริษัทสวิตเซอร์แลนด์ดูดหน้าดินที่มีแก๊สเน่าออกแล้วบำบัดน้ำ 1 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 2 เดือน น้ำบริเวณนั้นก็ใสขึ้นมาพอประมาณ ทำให้สภาพแวดล้อมทุกอย่างดีขึ้น
จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ผ่านมาพบปัญหาเรื่องสาธารณสุขจึงมีโครงการพัฒนาและเติมเต็มให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง, โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยจะมอบที่ดิน 72,000 ไร่ให้กับประชาชน ซึ่งจะมีการ Kick off เร็ว ๆ นี้ ณ จังหวัดนครพนม นอกเหนือจากการมอบที่ดินแล้วจะดูแลและซ่อมแซมบ้านทั่วประเทศด้วย, โครงการจัดหากายอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการจำนวน 72,000 ชุด เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือทุพพลภาพในบางมิติให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และโครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 ซี.ซี.
ผลจากการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ได้รับการตอบรับด้วยดีจากทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท รัฐวิสาหกิจ เอกชนต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่ด้อยโอกาสสามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้ง 10 โครงการหลักของรัฐบาล จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี และเชื่อว่าในวาระอื่น ๆ ในมิติอื่น ๆ รัฐบาลก็ยังเป็นผู้สนับสนุนเรื่องน้ำ เรื่องป่า และเรื่องคนต่อไป
"ผมเชื่อว่าการที่พระองค์ท่านทรงงานอย่างหนัก ท่านไม่ได้อยู่ในวังอย่างเดียว ท่านลงพื้นที่ค่อนข้างมาก มีการลงรายละเอียดแต่ละโครงการด้วยพระองค์เอง ทางเราเองก็มีการศึกษาติดตามโครงการพระราชดำริต่าง ๆ เวลาที่ผมลงพื้นที่ต่างจังหวัดต่าง ๆ ได้มีการเข้าถึงและเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านพยายามจะทำ รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะขับเคลื่อนหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้รัฐบาล รัฐวิสาหกิจมีส่วนร่วมมาก และภาคเอกชน เราได้มีการพยายามเชิญเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อยอดในการทำโครงการพระราชดำริต่าง ๆ" นายเศรษฐา กล่าว