พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.ตร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งของไทยและกัมพูชา เพื่อหารือถึงปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชนว่า สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับมาตรการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่เป็นภัยคุกคามใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศอย่างจริงจัง จึงได้สั่งการให้ ผบ.ตร.ฝ่ายไทยและกัมพูชา หารือกันอย่างเร่งด่วน
โดยที่ประชุมฯ วันนี้ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งบริบทของทั้ง 2 ประเทศที่เปลี่ยนไปจากภัยคุกคามของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ในประเทศกัมพูชาที่เชื่อว่าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จะใช้เป็นฐานในการกระทำความผิด รวมทั้งข้อมูลชาวต่างชาติที่มีพฤติการณ์ร่วมกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้ตำรวจกัมพูชาได้ร่วมสืบสวนและปฏิบัติการร่วมกันในอนาคต ซึ่งทางกัมพูชายินดีที่จะร่วมมือด้วย
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลผู้กระทำความผิดในไทยที่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ประเทศกัมพูชา และใช้เป็นฐานในการหลอกลวงคนไทย จึงได้ขอความร่วมมือกับทางการกัมพูชาในการส่งตัวคนไทยที่มีหมายจับในคดีแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กว่า 100 คน กลับมาดำเนินการตามกฎหมายของประเทศไทยให้ได้
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า หลังจากนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานย่อยร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล วิธีปฏิบัติการร่วมกันทั้งการสืบสวน ปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ โดยสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมประชุมกำหนดทิศทาง และวางแผนการปฏิบัติการร่วมกัน โดยเน้นเรื่องเกี่ยวกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก
"ขณะนี้ ทั้ง 2 ประเทศอยู่ระหว่างวางตัวบุคลากรตำรวจที่จะร่วมในคณะทำงาน และเจ้าหน้าที่ไทย พร้อมรับข้อเสนอความร่วมมือเกี่ยวกับการปราบปรามการค้าจากทางกัมพูชา และเรื่องอื่นๆ เพื่อกลับมามอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในไทยร่วมดำเนินการต่อไป" รอง ผบ.ตร. กล่าว