กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตือน 11 จังหวัด เฝ้าระวังและติดตามระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. 67 เป็นต้นไป โดยให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำให้เฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันฯ เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทานว่า ในช่วงวันที่ 24-31 ก.ค. 67 ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ และจากการคาดการณ์ปริมาณน้ำล่วงหน้า 1-3 วันข้างหน้า พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 67 ที่สถานี C.2 อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน ประมาณ 1,200-1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และลำน้ำสาขาประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณระหว่าง 1,500-1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบบกรมชลประทาน 2 ฝั่ง ในอัตรา 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 800-1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.80-1.10 เมตร ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. 67 เป็นต้นไป โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน
กอปภ.ก จึงได้ประสานจังหวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 10 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มค่ำนอกคันกั้นน้ำ
โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยเป็นระยะ พร้อมทั้งแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ผู้ประกอบการ และประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำ ให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ และขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการ และปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมพร้อมรับมืออย่างเคร่งครัด