นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยผลจากการหารือต่อยอดระหว่างนายกรัฐมนตรีกับเอกชนรายใหญ่ทำให้ขณะนี้มีโครงการ Data Center และ Cloud Service ที่ได้อนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแล้วทั้งสิ้น 37 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 98,539 ล้านบาท ตั้งโครงการอยู่ในกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี และระยอง
โดยบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ได้เข้ามาลงทุนโครงการ Data Center ได้แก่ Amazon Web Service จากสหรัฐอเมริกา จะสร้าง Data Center จำนวน 3 แห่ง เงินลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท, Evolution Data Center จากสิงคโปร์ เงินลงทุน 4,000 ล้านบาท และ Telehouse จากญี่ปุ่น เงินลงทุน 2,700 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนโครงการ Cloud Service ได้แก่ Alibaba Cloud ลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท, Huawei Technologies ลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ขณะที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ในปี 2567 มูลค่าตลาด Data Center ของไทยจะมีแนวโน้มเติบโตประมาณ 24% และมูลค่าบริการ Public Cloud จะขยายตัวที่ 29%
"โครงการ Data Center และ Cloud Service เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล จะช่วยต่อยอดพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของไทยให้เป็นฐานการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค และเป็นที่จับตามองของโลก ซึ่งจะสนับสนุนไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub) ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ของวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand ของนายกรัฐมนตรี" นายชัย กล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมั่นในในศักยภาพของประเทศที่มีจุดแข็ง 5 ประการ คือ
1.ทำเลที่ตั้งของไทยอยู่ในจุดศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน สามารถเชื่อมต่อกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคได้ (Connecting Hub)
2.มีความมั่นคง ปลอดภัยสูง เสี่ยงภัยต่อธรรมชาติต่ำ เป็นกลางในเวทีระหว่างประเทศและกฎระเบียบด้านดิจิทัลมีมาตรฐานสากล เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และกฎหมายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security Act)
3.โครงสร้างพื้นฐานมีคุณภาพสูง ทั้งระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียร และมีศักยภาพในการจัดหาพลังงานสะอาดที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของการลงทุน Data Center มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีศักยภาพสามารถรองรับการส่งข้อมูลในปริมาณสูง
4.ตลาดในประเทศขยายตัวสูง คนไทยมีทักษะในการเข้าถึงและใช้อินเทอร์เน็ตในกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบดิจิทัล ทำให้ความต้องการยกระดับสู่ยุคดิจิทัลสูง
5.สิทธิประโยชน์ที่จูงใจ