นายณัฐพงศ์ ดิษยบุตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.) เผยผลสอบการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสำหรับศูนย์กีฬาและศูนย์นันทนาการของกรุงเทพมหานครจำนวน 7 โครงการว่า จากการสืบสวนทั้งพยานบุคคลและเอกสารพบว่ามีการจัดซื้อแพงเกินจริง หลังได้ดำเนินการตรวจสอบตามกรอบระยะเวลา 30 วัน ไม่มีการขยายระยะเวลา และได้เสนอรายงานผลการสืบสวนให้ผู้บริหารรับทราบไปเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยราคาจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสูงกว่าราคาที่เคยจัดซื้อในปีก่อน ๆ และสูงกว่าราคาต้นทุนรวมค่าดำเนินการเป็นอย่างมาก ซึ่งรายละเอียด TOR พบว่า มีข้อกำหนดที่ไม่เปิดกว้างให้มีการเข้าเสนอราคาได้อย่างเท่าเทียม อาทิ การกำหนดจำนวนสัญญากับภาครัฐในระยะเวลาจำนวนปี และมีการกำหนดคุณสมบัติของเครื่องออกกำลังกายที่เกินความจำเป็น เช่น เพิ่มกำลังแรงม้า เพิ่มโปรแกรมออกกำลังกาย เพิ่มการรองรับน้ำหนัก และจอแสดงผลระบบสัมผัส เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบมีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่เกี่ยวกับการจัดทำโครงการซื้อเครื่องออกกำลังกาย การพิจารณางบประมาณ การดำเนินการจัดซื้อรวม 25 ราย ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสอบสวนในเชิงลึกต่อไป และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปลัดกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งย้ายผู้บริหารที่มีชื่อเกี่ยวข้องในกระบวนจัดซื้อทั้ง 7 โครงการไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักปลัดกรุงเทพมหานครแล้ว
ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาผลการสืบสวนอย่างละเอียด และคณะกรรมการจะดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ซึ่งเป็นขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด และพิจารณาลงโทษต่อไป
ส่วนกรณีพบว่ามีการจัดซื้อแพงเกินจริงถือว่า กทม.ได้รับความเสียหายก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เพื่อพิจารณาให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
สำหรับโครงการที่สืบสวนแล้วเสร็จที่ 7 โครงการ ประกอบด้วย
1.โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกายสำหรับศูนย์นันทนาการ สังกัดสำนักงานนันทนาการและส่งเสริมการเรียนรู้ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
2.โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 16 รายการ สำหรับศูนย์นันทนาการ สังกัดสำนักงานนันทนาการและส่งเสริมการเรียนรู้ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
3.โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 21 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาอ่อนนุช ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
4.โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 21 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
5.โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 10 รายการ สำหรับศูนย์กีฬามิตรไมตรี ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
6.โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 11 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
7.โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถนะทางกาย 11 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
น.ส.เต็มสิริ เนตรทัศน์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) กล่าวว่า ผลสอบจะมีการดำเนินการใน 3 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การดำเนินการทางอาญา ซึ่ง กทม.ไม่ได้มีอำนาจ จึงได้ส่งต่อให้สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมาย (พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542)
ส่วนที่ 2 การดำเนินการทางวินัย ซึ่ง กทม.กำลังจะดำเนินการต่อ โดยกำหนดระยะเวลา 120 วัน นับจากวันที่เริ่มประชุมคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงครั้งแรก และสามารถขยายระยะเวลาได้ 1 ครั้ง โดยขยายได้ไม่เกิน 60 วัน ซึ่งกระบวนการภายในระยะเวลาที่กำหนดนี้จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา โดยจะสรุปพยานหลักฐานที่เข้าข่ายการทำความผิด ให้โอกาสเขาชี้แจงแสดงเหตุผลหรือหาพยานหลักฐานมาแก้ต่างให้ตัวเอง สุดท้ายคณะกรรมการสอบสวนฯ ก็จะสรุปว่ามีความผิดหรือไม่ และต้องเสนอระดับโทษมาให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งพิจารณาต่อไป โดยมีกำหนดระยะเวลาให้ผู้มีอำนาจฯ ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 45 วัน
ส่วนที่ 3 การดำเนินการทางแพ่ง ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจะพิจารณาหาผู้รับผิดมาคืนเงินให้แก่ กทม.ต่อไป