นายกฯ ตั้ง "ภูมิธรรม" นั่งประธาน ศปช.ถกนัดแรกพุธนี้ จ่อเว้นค่าน้ำ-ค่าไฟ เยียวยาน้ำท่วม

ข่าวทั่วไป Monday September 16, 2024 18:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปช.) ว่า ที่ประชุมฯ ได้แต่งตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน และมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นรองประธานฯ และมีคณะกรรมการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทุกด้านให้ครบถ้วน เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที หากมีปัญหา หรือต้องเยียวยา สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา

ส่วนคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) จะติดตามความต่อเนื่องของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา เพื่อจะประสานงานร่วมกันหากเกิดปัญหาใด จะให้เกิดความรวดเร็วและชัดเจน ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการนี้ไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

สำหรับสถานการณ์ขณะนี้ เริ่มมีน้ำหลากเข้ามาให้พื้นที่ภาคอีสานแล้ว แต่ปริมาณน้ำยังไม่ส่งผลกระทบ สำหรับจังหวัดหนองคายระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว ส่วนกรณีที่ประเทศจีนปล่อยน้ำเป็นไปตามปกติ ไม่ได้มีส่วนให้ระดับน้ำท่วมเพิ่มขั้น และได้รับรายงานจากกรมชลประทาน และกรมอุตุนิยมวิทยาว่าระดับน้ำกำลังลดลงเรื่อย ๆ หากจังหวัดไหนต้องการผันน้ำต่อไปยังจังหวัดใด ต้องประสานและแจ้งให้ประชาชนทราบก่อน

* เล็งยกเว้นค่าน้ำ-ค่าไฟ บ้านที่น้ำท่วมช่วง ก.ย.-ต.ค.

ส่วนกรณีของจังหวัดที่ถูกน้ำท่วม ไม่ต้องการให้การเยียวยาพิจารณาเพียงจากกรอบระยะเวลาที่ถูกน้ำท่วมเท่านั้น แต่ให้เป็นไปตามระดับความเสียหายนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องมาดูรายละเอียดอีกทีว่าจะสามารถปรับอะไรได้บ้าง แต่ประเด็นตอนนี้คือ ความรวดเร็วในการเยียวยาประชาชน ซึ่งก็ได้คุยหลายฝ่าย จะดำเนินการไปตามกรอบเยียวยาเดิมไปก่อน เพราะหากต้องรอกรอบการเยียวยาใหม่จะต้องใช้เวลา

"ได้พูดคุยกับกระทรวงมหาดไทยไว้ว่า จะมีการยกเว้นการเก็บค่าไฟและค่าน้ำในเดือนกันยายน และในเดือนตุลาคม จะลดค่าน้ำค่าไฟอีก 30% แต่อันนี้เป็นการตั้งไว้ หากเหตุการณ์น้ำท่วมยาวกว่านั้น ก็สามารถเพิ่มเติมตรงนี้ได้อีก แต่จะทำแบบนี้ เพื่อต้องการช่วยเหลือประชาชนที่เร่งด่วน" น.ส.แพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้ประสบภัยได้พูดคุยกับกองทัพ แล้วมีการระดมกำลังอย่างเต็มที่ แต่ยังมีปัญหาเรื่องกำลังพลไม่พอ จึงคุยกับกระทรวงศึกษาธิการ ให้ทีมอาชีวะในแต่ละจังหวัดระดมคนเข้ามาช่วย เพื่อจะให้ความเสียหายถูกซ่อมแซมเร็วที่สุด

ส่วนปลายแม่น้ำโขงที่จะไหลลงที่จังหวัดอุบลราชธานีก่อนไปลาว ก็ได้เตรียมความพร้อมที่จะรองรับไว้แล้ว โดยได้แจ้งให้ทุกจังหวัดทราบแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่หนัก กองทัพภาคที่ 2 ก็เข้าไปในพื้นที่แล้ว มีการเตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อมแล้ว พร้อมยืนยันว่า ไม่ต้องเป็นห่วงในส่วนของกรุงเทพฯ ความสามารถที่จะรับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยามีมากพอ เพราะฉะนั้นกรุงเทพฯ จะน้ำไม่ท่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมนั้น เป็นการใช้งบประมาณตามกรอบเดิม โดยไม่ต้องเสนอให้กับคณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยยอดค่าใช้จ่ายในการเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมมีอยู่หลายหมวดรวมแล้วกว่า 230,000 ล้านบาท ซึ่งมีงบกลางที่สำรองไว้สำหรับแก้ปัญหาน้ำท่วมไว้แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้คณะกรรมการ ศปช. ที่ตั้งใหม่ เป็นผู้พิจารณาว่านายกรัฐมนตรีควรจะลงไปตรวจพื้นที่ใดบ้าง ดูความเหมาะสมเรื่องหน้างานว่ามีความพร้อมหรือไม่

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำท่วม รัฐบาลจะทำตามกรอบเดิมทุกอย่าง แต่จะเน้นเพิ่มความเร็วในการแก้ปัญหา และจะเพิ่มการเยียวยาให้มากขึ้น โดยคณะกรรมการที่นายกฯ ตั้งขึ้น จะประชุมนัดแรกวันพุธนี้ ทั้งสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะประเมินร่วมกัน และออกมาเป็นข้อสรุปพร้อมไทม์ไลน์

"ขณะนี้เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าใน 2 ประเด็น คือ การส่งกำลังทั้งหมดเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดอุทกภัยโดยเร็ว อีกส่วนหนึ่ง คือการเยียวยาตามหลัง เพื่อให้ทุกอย่างประมาณต้นเดือนตุลาคมเข้าสู่ภาวะปกติทันที และต้องดำเนินการควบคุมกันไป ซึ่งคณะที่ทำงาน จะดูหน้างานสรุปทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาต่อไปไม่ให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายคณะกรรมการ จากนี้จะมีการพูดคุยลงรายละเอียด และเสนอรายงานต่อนายกเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง" นายภูมิธรรม กล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ในที่ประชุม ศปช. นายกฯ ได้เห็นชอบอนุมัติงบกลางวงเงิน 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากต้องการให้เงินเยียวยาถึงมือผู้ที่ได้รับผลกระทบเร็วที่สุด โดยผ่านช่องทางของกระทรวงมหาดไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ