น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี "แม่ตั๊ก" ขายทองคำที่มีปริมาณทองคำไม่ได้สอดคล้องกับราคา และไม่ได้ปริมาณทองเท่ากับร้านทองอื่นว่า ได้รับการรายงานว่ามีผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก และเป็นคดีที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ต้องไปทำงานเชิงรุก และได้ตั้งคณะทำงานลงไปในพื้นที่เพื่อตรวจสอบร้านทองดังกล่าว โดยมีการตรวจฉลากและตรวจทองจากที่ไปเก็บตัวอย่างมา ซึ่งตัวอย่างทองได้นำส่งไปยังสถาบันอัญมณี เพื่อตรวจสอบว่า ปริมาณเนื้อทองที่โฆษณาไว้ 99.99% ตรงตามที่โฆษณาหรือไม่ซึ่งจะทราบผลภายใน 3 วัน และหากไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ ก็จะมีความผิด และอยากผู้บริโภคมีความมั่นใจว่า จะมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและไม่มีการละเว้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคทุกคน
น.ส.จิราพร กล่าวว่า สคบ. ได้ทำงานร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดูแลเรื่องการเยียวยาหรือการคืนทอง และบังคับใช้กฎหมายให้รัดกุม โดยยืนยันว่า สคบ. ทำงานเต็มที่ และพร้อมดูแลทุกคน และเปิดพื้นที่รับฟังผู้เสียหายและประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดในโลกออนไลน์
ทั้งนี้ ยืนยันว่า จะมีการตรวจสอบการขายสินค้าชนิดอื่นของแม่ค้าคนดังกล่าวด้วย เพราะสคบ. ต้องดูเรื่องฉลากและการโฆษณาว่าถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ และอาจจะไม่ใช่ดูแค่รายนี้ แต่ต้องดูรายอื่นที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย จึงขอให้ประชาชนที่เดือดร้อนมาร้องต่อ สคบ. ได้ อย่างไรก็ดี สคบ. ได้ออกหนังสือเชิญเจ้าของร้านมาให้ข้อมูลในวันที่ 27 ก.ย. นี้ และรอการตอบรับกลับมา และในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้เสียหายมาให้ข้อมูลอีกครั้ง และสั่งการไปแล้วว่าให้เรื่องนี้จบโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีผู้เสียหายบางส่วนโดนข่มขู่ และไม่กล้าออกมาให้ข้อมูลนั้น น.ส.จิราพร กล่าวว่า ถ้าเป็นผู้เสียหายมาสามารถร้องที่สคบ. ได้เลย เพราะมีทั้ง ปปง. ปคบ. และตำรวจที่จะดูแลคุ้มครองประชาชน หากพบว่ามีความผิด จะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด และถึงที่สุด
ด้านกลุ่มผู้เสียหาย ระบุว่า อยากให้ สคบ. ช่วยเข้ามากำกับดูแลการขายของออนไลน์ ทั้งเรื่องของการกำหนดราคาและน้ำหนักของทอง เนื่องจากคนที่ไปซื้อต้องการเก็บไว้เพื่อขายในอนาคต แต่กลับนำไปขายไม่ได้ รวมถึงให้ดูแลเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ เรื่องการออมทอง เพราะผู้ซื้อบางคนก็อาจจะไม่ทันกับเทคโนโลยี