น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดอันดับ 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต (Time 100 Next) ของนิตยสารไทม์ (Time) สหรัฐอเมริกา ในประเภทผู้นำ (Leaders) ร่วมกับผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลก โดยตอนหนึ่งจากนิตยสารไทม์ได้ระบุว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ได้สร้างประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนจะถึงวันคล้ายวันเกิดอายุ 38 ปี เพียงไม่กี่วัน ด้วยการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดในเอเชียที่เคยมีมา
"น.ส.แพทองธาร ได้พิสูจน์แล้วว่า อายุไม่ใช่อุปสรรค หากแต่เป็นจุดแข็งต่อการทำงาน ในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ได้แสดงภาวะผู้นำในการรับมือกับภาวะวิกฤตภายในประเทศหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะการจัดการปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด หรือเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียนล่าสุด ที่นอกจากน.ส.แพทองธาร จะได้ลงพื้นที่ติดตามงานด้วยตนเองแล้ว ยังได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ทำให้ทุกข์ของประชาชนเบาคลายลง" รมต.สำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
น.ส.จิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้นำพาประเทศไทยให้เป็นที่จับตามองในสายตาประชาคมโลก จากการเข้าร่วมการประชุม ระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue: ACD) ครั้งที่ 3 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำบทบาทความเป็นผู้นำจากการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ท่ามกลางผู้นำประเทศสมาชิกกว่า 35 ประเทศ ประกาศให้ประชาคมโลกได้รู้ว่า ประเทศไทยมีจุดแข็ง มีศักยภาพ และมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ทั้งในภูมิภาคเอเชียและระดับโลก
พร้อมยังได้ใช้โอกาสนี้ หารือทวิภาคีกับผู้นำจาก 4 ประเทศ ได้แก่ อิหร่าน คูเวต กาตาร์ และทาจิกิสถาน เพื่อเชิญชวนให้มาลงทุนในไทย ซึ่งทั้ง 4 ประเทศ ได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการต่าง ๆ ของไทย ซึ่งมีโครงการ Landbridge และมีความพร้อมเป็น food stock ให้กับนานาประเทศ