น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอหลักเกณฑ์การเยียวยาจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเปลี่ยนเป็นการช่วยเหลือแบบเหมาจ่ายอัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท ภายใต้กรอบวงเงินเดิมตามมติครม. เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 67 คือวงเงิน 3,045 ล้านบาท
ส่วนกรณีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากโคลน นอกจากการเยียวยาเหมาจ่ายแล้ว จะมีการเยียวยากรณีพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า กรณีที่หนักจริง ๆ มีกรอบที่เคยขยายไปแล้ว ซึ่งทางมหาดไทยก็ได้เสนอในที่ประชุมครม. ฉะนั้นกรณีต่าง ๆ อาจต้องมีการพิจารณาเป็นรายบุคคลอีกทีหนึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดจะช่วยดูในพื้นที่
สำหรับข้อกังวลเรื่องน้ำจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มลดลงแล้วทั้งจากจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ภายใน 4-5 วันนี้คิดว่า ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ โดยที่จังหวัดลำปางและลำพูน น้ำจากจังหวัดเชียงใหม่จะลงไปแต่ก็ไม่ได้ท่วมมาก เพราะน้ำเคลื่อนตัวไปลงที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และแม่น้ำโขงด้วย
ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า น้ำจะไม่ท่วมรุนแรงเหมือนปี 54 แน่นอน ตอนนี้แม่น้ำเจ้าพระยายังสามารถรับน้ำได้อีกมาก ซึ่งเมื่อปี 54 เหลือพื้นที่แค่ 1,000 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้เหลือ 6,000 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ฉะนั้นยังไม่ต้องกังวล เรามีการวางแผนจัดการน้ำอย่างเป็นระบบแล้ว ได้คุยกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รวมถึงในพื้นที่ท้ายเขื่อนด้วย การปล่อยน้ำจะพยายามไม่ให้กระทบกับประชาชน ซึ่งได้มอนิเตอร์เรื่องนี้ตลอด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการนัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) เพื่อติดตามความคืบหน้า แล้ววางแผนในการป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งระบบ ซึ่งจะมีระยะเร่งด่วนและระยะยาวด้วย โดยในวันที่ 15 ต.ค. หลังกลับจากการประชุมที่สปป.ลาว จะวางเรื่องของคณะกรรมการและคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยให้คำปรึกษาเรื่องการวางระบบน้ำทั้งระบบของทั้งประเทศ