เปิดปฏิบัติการ "ระเบิดสะพานโจร" ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดซิมการ์ดล็อตใหญ่กว่าแสน

ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย ผู้แทนจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงผลปฏิบัติการตามยุทธการ "ระเบิดสะพานโจร" ในช่วงวันที่ 1-10 ต.ค.ที่ผ่านมา

โดย ศปอส.ตร.ได้ระดมกำลังตำรวจทั่วประเทศตรวจค้นจับกุมตู้ซิมที่ลงทะเบียนให้กับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ เพื่อตัดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างคนร้ายกับประชาชน ได้แก่ สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต ซิมผี บัญชีม้า SMS และ Social Media Platform โดยได้รับการสนับสนุนข้อมูลจาก กสทช.และผู้ให้บริการเครือข่ายเข้าตรวจค้นตู้ซิมจากร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศจำนวน 647 แห่ง

ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมดำเนินคดีกับร้านค้าในความผิดซึ่งหน้ากว่า 20 แห่ง พร้อมตรวจยึดของกลาง อาทิ ซิมการ์ดไทย 101,068 ซิม, อุปกรณ์ SIM BOX จำนวน 131 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 575 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 23 เครื่อง และเอกสารสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงานของบุคคลต่างด้าว สำหรับใช้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์อีกหลายรายการ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญในการใช้ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้จากการเข้าตรวจคันตู้ชิมที่เป็นเป้าหมายทั้งประเทศพบช่องว่างของการลงทะเบียน 2 ส่วน คือ

1.การถือครองชิมเป็นจำนวนมากโดยคนร้ายยังคงมีอยู่ ซึ่งการลงทะเบียนดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนประกาศของ กสทช.ในการถือครองซิมไม่เกิน 5 ซิม

2.การลงทะเบียนชิมออนไลน์ ระบบไม่สามารถตรวจจับการลงทะเบียนที่ไม่ถูกต้องได้ เช่น การอัพโหลดรูปภาพที่ไม่ใช่ตัวเอง สามารถอัพโหลดสิ่งใดก็ได้ หรือการพิมพ์ข้อความชื่อ หรือข้อความอื่นที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร โดย ศปอส.ตร.จะหารือร่วมกับ กสทช. และทางผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อแก้ไขเรื่องนี้อย่างเป็นการเร่งด่วน

นอกจากนี้ ศปอส.ตร.จะมีการตรวจสอบเบอร์โทรที่คนร้ายใช้โทรเข้ามาหลอกประชาชนที่มีการแจ้งในระบบ Thaipoliceonline ว่าตู้ชิมใดเป็นผู้ลงทะเบียนให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ซึ่ง ศปอส.ตร. เชื่อว่าคนร้ายที่ตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้าน จะไม่สามารถติดต่อหรือหลอกลวงคนไทยได้หากไม่มีตู้ชิมหรือผู้ที่รับผิดชอบไปช่วยเหลือลงทะเบียนซิมให้กับคนร้ายหรือระบบการลงทะเบียนที่เอื้ออำนวยให้กับคนร้ายไปลงทะเบียนโดยไม่สามารถทราบว่าเป็นใคร พร้อมฝากเตือนไปยังร้านค้าตู้ชิมที่รับลงทะเบียนให้กับคนร้ายคอลเซ็นเตอร์ ผู้จำหน่ายซิมโทรศัพท์ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายที่ไปช่วยเหลือการลงทะเบียนให้กับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีความผิดทางกฎหมาย และย้ำว่าจะดำเนินการยุทธการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปจากประเทศไทยตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล