พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการจับกุม 2 แม่ลูก "นัทตี้ ไดอารี่" ผู้ต้องหาหลอกเทรด Forex ว่า เมื่อเดือน ส.ค.65 ได้มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับเน็ตไอดอลสาวชื่อ น.ส.สุชาตา หรือนัตตี้ หรือลีอาห์ Nutty Diary รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท และมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกว่า 6,000 คน ซึ่งต่อมามีจำนวนผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย น.ส.สุชาตา หรือ นัตตี้ Nutty Diary เป็นเน็ตไอดอลที่มีชื่อเสียงจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เคยเป็นอดีตศิลปินจนเคยมีผลงานเพลงในประเทศเกาหลีใต้ ก่อนผันตัวเป็น Youtuber เจ้าของช่อง Nutty?s Diary มีผู้ติดตามกว่า 8 แสนคน ต่อมาเริ่มมีการลงโฆษณาและชักชวนประชาชนลงทุนผ่านทางแอปพลิเคชัน Instragram และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อรับฝากเทรดหุ้น และอนุพันธ์ของหุ้น มีการลงโพสต์โชว์ผลกำไร และอ้างตัวเป็นโค้ชเทรดหุ้นว่ามีใบอนุญาตรับรองจาก ก.ล.ต. สามารถสอนนักเรียนเทรดหุ้นได้ และยังกล่าวอ้างว่าได้จัดตั้งบริษัท สุชาดา จำกัด ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และได้รับใบอนุญาตการลงทุนจาก ก.ล.ต.แล้ว
ต่อมากลุ่มผู้ต้องหาได้ให้ผู้หลงเชื่อเข้าพูดคุยผ่านกลุ่ม Line ที่มีสมาชิกจำนวนกว่า 3,000 คน มีการอัปเดตและลงข้อมูลชวนเชื่ออย่างต่อเนื่อง ทำให้เหยื่อที่เข้าร่วมกลุ่มเชื่อว่าผู้ประกอบธุรกิจนี้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด เช่น มีการซื้อคอนโดที่พัทยาจำนวนหลายห้อง ซื้อโรงงาน คลินิก ที่ดิน รถยนต์หรู และใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ซึ่งภาพลักษณ์ดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อตัดสินใจร่วมลงทุน
สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้นกลุ่มผู้ต้องหาจะเปิดให้ลงทุนขั้นต่ำเป็นจำนวน 5,000 บาท สูงสุดไม่เกินจำนวน 5,000,000 บาทต่อ 1 บิล โดยแต่ละคนจะมี่กี่บิลหรือกี่แนบท้ายสัญญาก็ได้ โดยระยะเวลาในการได้รับกำไรจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน นับจากวันที่ระบุในสลิปโอนเงิน ในส่วนกำไรจากการเทรดจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการทำสัญญา เช่น สัญญา 3 เดือน มีอัตรากำไร 25% ของเงินทุน สัญญา 6 เดือน มีอัตรากำไร 30% ของเงินทุน สัญญา 12 เดือน มีอัตรากำไร 35% ของเงินทุน โดยสามารถรับเงินจากกำไรที่ได้จากการเทรดได้ทุกเดือนตามข้อตกลงในการทำสัญญา โดยจะให้ผู้เสียหายโอนเงินพร้อมส่งข้อมูลและสลิปโอนเงินผ่านทางแอปพลิเคชัน Line
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้ระบุว่าจะนำเงินที่ได้รับฝากนั้นไปลงทุนในหุ้นบริษัทใด สุดท้ายเมื่อถึงเวลารับเงินปันผล ผู้ที่หลงเชื่อลงทุนกลับไม่ได้รับเงินปันผลและไม่สามารถขอรับเงินลงทุนคืนได้ คาดว่ามีผู้เสียหายทั่วประเทศรวมกันกว่า 6,000 ราย สร้างความเสียหายกว่า 2 พันล้านบาท โดยมีผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้วจำนวน 475 ราย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลทั่วประเทศออกหมายจับ น.ส.สุชาตา อายุ 31 ปี ได้จำนวน 13 หมายจับ และหมายจับ นางธานิยา อายุ 66 ปี (มารดาของนัตตี้) อีกจำนวน 2 หมายจับ และอยู่ระหว่างดำเนินการออกหมายจับเพิ่มเติมอีกหลายคดี ซึ่งต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้มีมติรับคดี น.ส.สุชาดาฯ เป็นคดีพิเศษ
จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้หลบหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้แจ้งไปยัง INTERPOL และตำรวจในประเทศต่าง ๆ เพื่อสืบสวนหาข่าวนำผู้ต้องหาทั้ง 2 มาดำเนินคดีในประเทศไทยเนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญ สร้างความเสียหายให้กับประชาชนในวงกว้าง และจากการสืบสวนทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศต่าง ๆ ในที่สุดพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้หลบหนีไปยังประเทศอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียจึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ที่เมืองดูไม จังหวัดรีเยา บนเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 2 ต.ค.67
ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดี DSI กล่าวว่า ได้รับโอนสำนวนและหมายจับมาเมื่อวันที่ 14 พ.ค.67 พร้อมอายัดทรัพย์และส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แล้วจำนวน 23 รายการ มูลค่าประมาณ 16,688,165 บาท ต่อมาได้อายัดทรัพย์เพิ่มจำนวน 3 รายการ และอยู่ระหว่างสืบทรัพย์เพิ่มเติม มีจำนวนผู้เสียหาย 438 ราย มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 239,463,716.80 บาท เหตุเกิดเมื่อระหว่างเดือน ส.ค.64 ถึงเดือน พ.ค.65