น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยเว้นภาคใต้เข้าสู่ฤดูหนาวและเป็นช่วงหน้าแล้ง แต่ยังมีฝนตกกระจาย ฝนตกหนักถึงหนักมาก จากสภาพอากาศแปรปรวน เห็นได้ชัดว่าช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนักในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล นอกจากนี้ช่วงวันที่ 16 -18 พฤศจิกายน คาดการณ์จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณพื้นที่ อ.ท่าลี่ จ.เลย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี และ อ.คลองท่อม จ.กระบี่
"ฝนที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เป็นผลจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ ทำให้มีฝนตกในฤดูหนาว อีกทั้งช่วง 3 วันนี้ ยังมีฝนตกหนักถึงหนักมากใน 7 อำเภอของ 7 จังหวัด ช่วยบรรเทาภัยแล้งได้ จากนั้นตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ฝนบริเวณภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกจะลดลง ส่วนฝนทางตอนบนเริ่มลดลงอย่างชัดเจน" น.ส.ศศิกานต์ กล่าว
น.ส.ศศิกานต์ กล่าวด้วยว่า ระยะนี้มวลอากาศเย็นอ่อนกำลังลง แต่ยังคงปกคลุมภาคเหนือ ทำให้มีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังมีฝนเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะที่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งภาคใต้ตั้งแต่สุราษฏร์ธานีลงไป และภาคใต้ตอนล่างที่ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ปริมาณฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นวันที่ 19-24 พฤศจิกายน ภาคใต้ยังมีเกณฑ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก จึงต้องเฝ้าระวังและแจ้งเตือนอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมเร่งบริหารจัดการน้ำไว้รองรับเพื่อป้องกับผลกระทบแก่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมน้ำในอ่างเก็บน้ำและระดับน้ำในลำน้ำต่าง ๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่น่ากังวลเรื่องการเกิดน้ำล้นตลิ่ง แต่ได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ขณะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเดียวกัน จะได้สัมผัสอากาศเย็นถึงหนาวอีกระลอก จึงขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลง ระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก
ส่วนพายุไต้ฝุ่น "หม่านหยี่ (MAN-YI)" คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะลูซอล ลงสู่ทะเลจีนใต้เช้าวันที่ 18 พฤศจิกายน และเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไหหลำ ก่อนอ่อนกำลังและสลายตัวใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนาม พายุนี้ไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย เพราะเป็นช่วงที่มวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ