น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ได้ประกาศแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักช่วงระหว่างวันที่ 12-16 ธ.ค.67 ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสนั้น จากการติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องพบว่าในช่วง 2 วันนี้ (13-14 ธ.ค.) จะเป็นช่วงที่ปริมาณฝนสูงสุด โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดที่มีแนวโน้มฝนตกหนักมาก ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปช.ได้สั่งการไปยังทุกพื้นที่เสี่ยงให้เตรียมความพร้อมระดับสูงสุด โดยขณะนี้ ศูนย์ปภ.เขต 11 สุราษฎร์ธานี ได้เตรียมเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่รับผิดชอบ 44 หน่วย กระจายไปในจังหวัด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง ขณะที่ ปภ.เขต 12 สงขลา ได้เตรียมเครื่องจักรกลสาธารณภัยใน 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง 712 หน่วย ซึ่งทุกจังหวัดได้ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุและเตรียมศูนย์พักพิงไว้รองรับการอพยพประชาชนไปยังจุดปลอดภัยแล้ว
โดยในช่วง 2 วันนี้ทุกหน่วยได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ หากผ่านช่วงนี้ไปได้แนวโน้มฝนจะเริ่มลดลง เมื่อถึงวันที่ 18 ธ.ค.แล้วจะถือว่าผ่านฝนระลอกนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์ แต่ที่ยังน่ากังวลคือปริมาณฝนที่ตกลงมาจะต้องมีการบริหารจัดการน้ำที่ดี โดยเฉพาะในภาคใต้ตอนล่างที่มีน้ำสะสมในแม่น้ำปัตตานี แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำโก-ลกจำนวนมาก ส่งผลให้ยังต้องใช้เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำซึ่งคาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงสุดในช่วงวันที่ 19-20 ธ.ค.
ส่วนความคืบหน้าการฟื้นฟูผลกระทบจากน้ำท่วม ล่าสุดระบบสื่อสารโทรคมนาคม โทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต กลับมาใช้งานได้ครบทุกพื้นที่ เช่นเดียวกับสถานบริการสาธารณสุขที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบ 135 แห่ง ขณะนี้กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติทั้งหมดแล้ว
ด้านการจ่ายเงินเยียวยาที่มีเสียงสะท้อนจากประชาชนถึงความไม่สะดวกในการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาในบาง อปท.นั้น ศปช.ได้สั่งการผ่าน ปภ.ให้หาแนวทางเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนให้ได้มากที่สุด และอาจพิจารณานำแนวทางดังกล่าวไปใช้กับจังหวัดอื่น ๆ เพื่อให้สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด