นายนันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ตอบโต้กรณีที่มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์อ้างตัวเป็นผู้กู้ยืมเงิน กยศ. โพสต์รีวิวการบิดหนี้ กยศ. พร้อมชักชวนผู้กู้ไม่ให้ชำระหนี้คืนและโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับคดี
กยศ.ขอเตือนว่าการเบี้ยวหนี้โดยโอนทรัพย์สินไปให้ผู้อื่นโดยมีเจตนาไม่ให้ กยศ.ได้รับชำระหนี้นั้น นอกจาก กยศ.จะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเพิกถอนการโอนทรัพย์สินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 แล้ว ผู้กู้ยืมเงินยังอาจมีความรับผิดทางอาญาฐานโกงเจ้าหนี้ ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 ซึ่งกำหนดว่า "ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
"ผู้ชักชวนให้ผู้กู้ยืมเงิน กยศ.เบี้ยวจ่ายหนี้และโอนทรัพย์สินหนีการบังคับคดีอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 ฐานโกงเจ้าหนี้ และความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย" นายนันทวัน กล่าว
สำหรับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือให้ความสะดวกในการกระทำความผิดย่อมเข้าข่ายผู้สนับสนุน ซึ่งจะมีความผิดและได้รับโทษทางอาญาเช่นกัน ที่ผ่านมามีผู้กู้ยืมเงินได้ดำเนินการดังกล่าวซึ่ง กยศ.ได้ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ไปแล้วกว่า 40 ราย
"กยศ.เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีวัตถุประสงค์ในการให้โอกาสทางการศึกษาและประชาชนผู้ขาดแคลนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เงินทุกบาทที่ผู้กู้ยืมเงินนำมาชำระหนี้จะส่งต่อถึงนักเรียนนักศึกษารุ่นต่อไปเพื่อให้มีโอกาสทางการศึกษาเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงขอให้ผู้กู้ยืมเงินมีจิตสำนึกในการชำระหนี้คืนในทันทีที่มีโอกาส เพื่อให้เงินทุกบาทตกทอดแก่นักเรียน นักศึกษารุ่นต่อไป ซึ่งอาจเป็นบุตรหลานหรือญาติพี่น้องของท่าน" นายนันทวัน กล่าว