จากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยมีสถานการณ์อุทกภัยใน 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ชุมพร รวม 7 อำเภอ 22 ตำบล 73 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,295 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
1.จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ชะอวด อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองฯ อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ และอ.พระพรหม รวม 18 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,950 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ปัจจุบันคลองท่าดีมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
2.จังหวัดชุมพร เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอทุ่งตะโก รวม 4 ต. 9 ม. ได้แก่ ต.ตะโก ต.ช่องไม้แก้ว ต.ตะไคร้ ต.ปากตะโก อ.ทุ่งตะโก เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 345 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ปัจจุบันคลองหลังสวนระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ล่าสุดทางจังหวัดชุมพร แจ้งปิดเส้นทางทั้งด้านขาล่องใต้ และขาขึ้นกรุงเทพฯ เนื่องจากมีน้ำท่วมผิวจราจรบนถนนสายเอเชีย 41 รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้
ด้านศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) สั่งเตรียมพร้อมอพยพกลุ่มเปราะบางในพื้นที่เสี่ยง จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยศปช.รับทราบรายงานสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดชุมพรที่มีปริมาณฝนสูงสุดในอำเภอเมืองถึง 265.9 มม. จึงประกาศเขตฯ พื้นที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสวี และอำเภอหลังสวน
ขณะที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยทหาร อำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จิตอาสา เข้าพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของเส้นทางการจราจรบนถนนสายเอเชีย 41 ที่มีน้ำท่วมทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้
ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช และชุมพร ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดย กรมป้องกันฯ ยังคงสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนจุดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ประสานงานกับจังหวัดจัดทำบัญชีความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป