นายกฯ กำชับทุกภาคส่วน เร่งแก้ปมยาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ข่าวทั่วไป Wednesday December 18, 2024 18:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฯ กำชับทุกภาคส่วน เร่งแก้ปมยาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพสังคม ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด โดยได้รับทราบรายงานการจัดทำ Dashboard ตามข้อสั่งการเมื่อวันที่ 1 พ.ย.67 ซึ่งมอบหมายในระหว่างลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ให้อัพเดตข้อมูลเพื่อเป็นฐานข้อมูลกลางของสถานการณ์ยาเสพติด และพัฒนาเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่แล้วเสร็จ 80% ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ประชุม และมอบนโยบายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ Cisco Webex Meetings ไปยังศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นายกฯ กำชับทุกภาคส่วน เร่งแก้ปมยาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประชุมครั้งนี้ คือ กำลังสำคัญในการทำงานด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ยาเสพติดทำลายทั้งศักยภาพของคนและศักยภาพของประเทศ รัฐบาลจำเป็นต้องจัดการกับยาเสพติดที่กลับมาระบาดในประเทศไทยอีกครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา

โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เร่งขับเคลื่อนนโยบาย โดยขยายผลจากบทเรียนที่ได้จากปฏิบัติการ 90 วันของ 25 จังหวัดพื้นที่เป้าหมายในปีงบประมาณที่ผ่านมา ขอให้นำไปปรับปรุงวิธีการทำงาน และวิธีการวัดผลให้ชัดเจนตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น และให้นำไปขยายผลการดำเนินการทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ปิดเป็นความลับของผู้ให้ข้อมูล เพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งปัญหายาเสพติดได้โดยตรงกับนายกรัฐมนตรีอย่างปลอดภัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้มีเป้าหมาย แนวทาง ตัวชี้วัดที่ชัดเจนในทุกด้าน ทั้งในภาพรวมระดับประเทศ ลงถึงระดับอำเภอ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ได้แก่ การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด การค้นหาผู้เสพในชุมชนเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา ตลอดจนการบำบัดรักษาผู้ติด ยาเสพติด การฝึกอาชีพ การศึกษา และการฟื้นฟูสภาพทางสังคม ทั้งกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง และผู้เข้ารับการบำบัด รวมทั้งมีระบบติดตามดูแลช่วยเหลือเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีก เพื่อคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคมให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ สกลนคร ประจวบคีรีขันธ์ นราธิวาส อุทัยธานี ปทุมธานี นครพนม ระยอง นครศรีธรรมราช และตรัง ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กำกับดูแล แก้ไขปัญหาตามรูปแบบ หรือ Model ที่ถอดแบบมาจาก อ.ท่าวังผา จังหวัดน่าน และ อ.ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ให้มีผลรูปธรรมโดยเร็ว และขอให้เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำให้ 90 วัน ยาเสพติดหมดไปจากพื้นที่

"ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็น CEO อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีในการขับเคลื่อนงานด้านยาเสพติด ดำเนินการประสานความร่วมมือกับผู้บังคับการตำรวจจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุข หัวหน้าส่วนราชการของทุกกรม ทุกกระทรวง และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องเอาชนะยาเสพติด คืนศักยภาพให้คนไทยและประเทศไทย ตามนโยบายเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ร่วมกัน ในฐานะนายกรัฐมนตรีและฝ่ายบริหาร ยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกด้าน" น.ส.แพทองธาร กล่าว

หลังประชุมเสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส.พร้อมกับรับฟังบรรยายจาก พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฯ เรื่องการดำเนินการต่อเนื่อง เรื่องร้องเรียนยาเสพติด และสรุปผลการร้องเรียนยาเสพติดสายด่วน 1386 ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-17 ธ.ค.67

โดยนายกรัฐมนตรีรับชมระบบสารสนเทศยาเสพติดจังหวัด หรือ NISPA PLUS มี Dashboard แสดงข้อมูลและผลการดำเนินงาน โดยแสดงผลตัวชี้วัดที่สำคัญ (KPI) ทั้งภาพรวมของประเทศและรายจังหวัด ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลกลางให้ทุกฝ่ายรับทราบข้อมูลร่วมกัน และยังมีข้อมูลสถิติที่สำคัญ เช่น สถานการณ์ยาเสพติด ผลการจับกุม การบำบัดรักษา และงบประมาณ

ทั้งนี้ การแสดงผลแบบ Real-time ของระบบ NISPA PLUS จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรียังได้สอบถามถึงการตั้งค่าเป้าหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และเสนอว่าหากจังหวัดไหนสามารถดำเนินงานตรงตามเป้าหมาย ควรมีการมอบรางวัลให้จังหวัดนั้น เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งสอบถามเรื่องจำนวนสายด่วนที่โทรเข้ามาแจ้งเบาะแสยาเสพติด พร้อมเสนอแนะให้ ศปก.ครส. เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานในการรับเรื่องร้องเรียน ให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนที่ประสงค์จะส่งข้อมูลมาให้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ